สวนปัญญาธรรม

สวนปัญญาธรรม สถานปฏิบัติธรรม กรรมฐาน เดินจงกรมน?

ผู้ทำความเพียรแผดเผากิเลส เพราะเหตุใดเล่า?
11/11/2025

ผู้ทำความเพียรแผดเผากิเลส เพราะเหตุใดเล่า?

07/11/2025
"เวทนาใด ๆ ก็ตาม เวทนานั้น ๆ ประมวลลงในความทุกข์" ข้อนี้เรากล่าวหมายถึง ความเป็นของไม่เที่ยงแห่งสังขารทั้งหลายนั่นเองและ...
06/11/2025

"เวทนาใด ๆ ก็ตาม เวทนานั้น ๆ ประมวลลงในความทุกข์" ข้อนี้เรากล่าวหมายถึง ความเป็นของไม่เที่ยงแห่งสังขารทั้งหลายนั่นเอง

และเรายังกล่าวหมายถึงความ เป็นของสิ้นไปเป็นธรรมดา ความเป็นของเสื่อมไปเป็นธรรมดา ความเป็นของจางคลายไปเป็นธรรมดา ความเป็นของดับไม่เหลือเป็นธรรมดา ความเป็นของแปรปรวนเป็นธรรมดา ของสังขารทั้งหลายนั่นแหละ ที่ได้กล่าวว่า "เวทนาใด ๆ ก็ตาม เวทนานั้น ๆ ประมวลลงในความทุกข์" ดังนี้

05/11/2025
คิริมานนทสูตร-ครูที่ดี-ดูกรอานนท์ บุคคลผู้ไม่รู้ ไม่แจ้งไม่เข้าใจในพระนิพพาน ไม่ควรจะสั่งสอนพระนิพพานแก่ท่านผู้อื่น ถ้าข...
03/11/2025

คิริมานนทสูตร
-ครูที่ดี-
ดูกรอานนท์ บุคคลผู้ไม่รู้ ไม่แจ้งไม่เข้าใจในพระนิพพาน ไม่ควรจะสั่งสอนพระนิพพานแก่ท่านผู้อื่น
ถ้าขืนสั่งสอนก็จะพาท่านหลงหนทาง จะเป็นบาปเป็นกรรมแก่ตน ควรจะสั่งสอนแต่เพียงทางมนุษย์สุคติ สวรรค์สุคติเป็นต้นว่า สอนให้รู้จักทาน ให้รู้จักศีล ๕ ศีล ๘ ให้รู้กุศลกรรมบถ ให้รู้จักปฏิบัติมารดาบิดา ให้รู้จักอุปัชฌาย์อาจารย์ ให้รู้จักก่อสร้างบุญกุศลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น เพียงเท่านี้ก็อาจจะได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติพอสมควรอยู่แล้ว

ส่วนความสุขในโลกุตตรนิพพานนั้น ผู้ใดต้องการจริง
ต้องรักษาศีล ๕ ศีล ๑๐ ศีลพระปาติโมกข์เสียก่อน
จึงชื่อว่า เข้าใกล้ทาง มีโอกาสที่จะได้จะถึงโลกุตตรนิพพานโดยแท้

แม้ผู้ที่จะเจริญทางพระนิพพานนั้น
ก็ให้รู้จักท่านผู้เป็นครูว่ารู้แจ้งทางพระนิพพานจริง จึงไปอยู่เล่าเรียน ถ้าไปอยู่ เล่าเรียนในสำนักของท่านผู้ไม่รู้ไม่แจ้ง ก็จะไม่สำเร็จโลกุตตรนิพพานได้
เพราะว่าทางแห่งโลกุตตรนิพพานนี้ เล่าเรียนได้ด้วยยากยิ่งนัก ด้วยเหตุสัตว์ยินดีอยู่ในกามสุข อันเป็นข้าศึกแก่พระนิพพานโดยมาก

ภนฺเต อริยกสฺสป ข้าแต่พระอริยกัสสปะ ผู้มีอายุ
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนา แก่ข้าฯ อานนท์ด้วยประการดังนี้

ขอให้พระสงฆ์ทั้งหลาย จงทราบด้วยผลญาณแห่งตน ดังแสดงมานี้เถิด.
ตทนนฺตรํ ลำดับนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสเทศนา ต่อไปอีกว่า
อานนฺท ดูกรอานนท์ อันว่าบุคคลทั้งหลาย ผู้ปรารถนาซึ่งพระนิพพาน ควรแสวงหาซึ่งครูที่ดีที่อยู่เป็นสุข สำราญมิได้ประมาท เพราะพระนิพพานไม่เหมือนของสิ่งอื่น

อันของสิ่งอื่นนั้นเมื่อผิดไปแล้วก็มีทางแก้ตัวได้ หรือไม่สู้ เป็นอะไรนักเพราะไม่ละเอียดสุขุมมาก ส่วนพระนิพพาน นี้ละเอียดสุขุมที่สุด ถ้าผิดแล้วก็เป็นเหตุให้ได้รับความทุกข์ เป็นนักหนา ทำให้หลงโลกหลงทางห่างจากความสุข ทำให้เสียประโยชน์เพราะอาจารย์

ถ้าได้อาจารย์ที่ถูกที่ดี ก็จะได้รับผลที่ถูกที่ดี
ถ้าได้อาจารย์ที่ไม่รู้ไม่ดีไม่ถูกไม่ต้อง ก็จะได้รับผลที่ผิดเป็นทุกข์พาให้หลงโลกหลงทาง พาให้เวียนว่าย ตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสารสิ้นกาลนาน

เปรียบเหมือนผู้จะ พาเราไปในที่ตำบลใดตำบลหนึ่ง
แต่ผู้นั้นไม่รู้จักตำบลนั้น แม้เราเองก็ไม่รู้
เมื่อกระนั้น ไฉนเขาจึงจะพาเราไปให้ถึง ตำบลนั้นได้เล่า ข้ออุปมานี้ฉันใด อาจารย์ผู้ไม่รู้พระนิพพาน และจะพาเราไปพระนิพพานนั้น ก็จะพาเราหลงโลกหลงทาง ไป ๆ มา ๆ ตาย ๆ เกิด ๆ อยู่ในวัฏฏสงสาร
ไม่อาจจะถึง พระนิพพานได้ เหมือนคนที่ไม่รู้จักตำบลที่จะไปและเป็น ผู้พาไป ก็ไม่อาจจะถึงได้ มีอุปไมยฉันนั้น

ผู้คบครูอาจารย์ ที่ไม่รู้ดีและได้ผลที่ไม่ดี มีในโลกมิใช่น้อย เหมือนดัง พระองคุลิมาลเถระไปเรียนวิชาในสำนักครูผู้มีทิฏฐิอันผิด ได้รับผลที่ผิด คือเป็นมหาโจรฆ่าคนล้มตายเสียนับด้วยพัน หากเราตถาคตรู้เห็นมีความสงสารเวทนามาข้องในข่ายสยัมภูญาณ จึงได้ไปโปรดทรมานให้ละเสียซึ่งพยศอันร้ายเป็นการลำบากมิใช่น้อย ถ้าไม่ได้พระตถาคตแล้ว พระองคุลิมาลก็จักได้เสวยทุกข์อยู่ในวัฏฏสงสารสิ้นชาติเป็น อันมาก

ดูกรอานนท์ บุคคลผู้ไม่รู้พระนิพพาน
ไม่ควรเป็นครูสั่งสอนท่านผู้อื่นในทางพระนิพพานเลย
ต่างว่าจะสั่งสอนเขา จะสั่งสอนว่ากระไรเพราะตัวไม่รู้

เปรียบเหมือนบุคคลไม่เคย เป็นช่างเขียนหรือช่างต่างๆมาก่อน แล้วและอยากเป็น ครูสั่งสอนเขา จะบอกแก่เขาว่ากระไร เพราะตัวเองก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจจะเอาอะไรไปบอกไปสอนเขา จะเอาแต่คำพูด เป็นครูทำตัวอย่างให้เขาเห็นเช่นนั้นไม่ได้ จะให้เขาเล่าเรียน อย่างไร เพราะไม่มีตัวอย่างให้เขาเห็นด้วยตาให้รู้ด้วยใจ
เขาจะทำตามอย่างไรได้ ตัวผู้เป็นครูนั้นแลต้องทำก่อน
ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรเป็นครูสอนเขา
ถ้าขืนเป็นครูก็จะพาเขา หลงโลกหลงทาง
เป็นบาปเป็นกรรมแก่ตัวนักหนาทีเดียว
พระพุทธเจ้าตรัสแก่ข้าฯ อานนท์ดังนี้แล

ตทนนฺตรํ ลำดับนั้น พระพุทธเจ้าตรัสเทศนา ต่อไปอีกว่า
อานนฺท ดูกรอานนท์ อันว่าบุคคลผู้จะสอน
พระนิพพานนั้นต้องให้รู้แจ้งประจักษ์ชัดเจนว่า
พระนิพพานมีอยู่ในที่นั้น ๆ มีลักษณะอาการอย่างนั้น ๆ
ต้อง รู้ให้แจ้งชัด จะกล่าวแต่เพียงวาจา
ว่า นิพพาน ๆ ด้วยปาก แต่ใจไม่รู้แจ้งชัดเช่นนั้นไม่ควรเชื่อถือเลยต้องให้รู้แจ้งชัด ในใจก่อน จึงควรเป็นครูเป็นอาจารย์สอนท่านผู้อื่นต่อไป ……จะเป็นเด็กก็ตาม ผู้ใหญ่ก็ตาม ถ้ารู้แจ้งชัดซึ่งพระนิพพานแล้ว ก็ควรเป็นครูเป็นอาจารย์และควรนับถือเป็นครูเป็น อาจารย์ได้ แม้จะเป็นผู้ใหญ่สูงศักดิ์สักปานใดก็ตาม
ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจแล้วไม่ควรนับถือเป็นครูเป็นอาจารย์เลย

ดูกรอานนท์ ถ้าอยากได้สุขอันใด ก็ควรรู้จักสุขอันนั้นก่อนจึงจะได้เมื่ออยากได้สุขในพระนิพพาน ก็ควร รู้จักสุขในพระนิพพานอยากได้สุขในมนุษย์และสวรรค์ ก็ให้รู้จักสุขในมนุษย์และสวรรค์นั้นเสียก่อนจึงจะได้
ถ้าไม่รู้จัก สุขอันใด ก็ไม่อาจยังความสุขอันนั้นให้เกิดขึ้นได้ไม่เหมือน ทุกข์ในนรก อันทุกข์ในนรกนั้นจะรู้ก็ตาม ไม่รู้ก็ตาม ถ้าทำกรรมที่เป็นบาปแล้ว
ผู้ที่รู้หรือผู้ที่ไม่รู้ก็ตกนรก เหมือนกัน

ถ้าไม่รู้จักนรกก็ยิ่งไม่มีเวลาพ้นจากนรกได้
ถึงจะทำบุญให้ทานสักปานใดก็ไม่อาจพ้นจากนรกได้
แต่มิใช่ว่าทำบุญให้ทานไม่ได้บุญ ความสุขที่ได้
แต่การทำบุญนั้นมีอยู่ แต่ว่าเป็นความสุขที่ยังไม่พ้นจากทุกข์ในนรก เมื่อยังไม่รู้ไม่เห็นนรกตราบใด ก็ยังไม่พ้น จากนรกอยู่ตราบนั้น

ครั้นได้เข้าถึงนรกแล้ว เมื่อได้รู้ ทางออกจากนรกได้แล้วปรารถนาจะพ้นจากนรกก็พ้นได้ เมื่อไม่อยากพ้นก็ไม่อาจพ้นได้ ต้องรู้จักแจ้งชัดว่านรกอยู่ ในที่นั้นๆ มีลักษณะอาการอย่างนั้น ๆ และควรรู้จัทางออกจากนรกให้แจ้งชัด ทางออกจากนรกนั้นก็คือ ศีล ๕ ศีล ๑๐ ศีลพระปาติโมกข์นั่นเอง

เมื่อรู้แล้วอยากจะออก ให้พ้นก็ออกได้ ไม่อยากจะออกให้พ้นก็พ้นไม่ได้ ผู้ที่รู้กับผู้ที่ไม่รู้ย่อมได้รับทุกข์ในนรกเหมือนกัน ส่วนความสุข ในมนุษย์สวรรค์และพระนิพพานนั้นต้องรู้จึงจะได้ ถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจไม่ได้เลย มีอาการต่างกันอย่างนี้.

ดูกรอานนท์ เมื่ออยากรู้จักนรกและสวรรค์และพระนิพพานก็ให้รู้เสียในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่
เมื่ออยากพ้นทุกข์ในนรก ก็รีบออก ให้พ้นเสียแต่เมื่อยังไม่ตาย เมื่ออยากได้สุขในมนุษย์หรือ ในสวรรค์หรือในนิพพาน ก็ให้รีบขวนขวายหาสุขเหล่านั้น ไว้แต่เมื่อยังไม่ตาย จะถือว่าตายแล้วจึงพ้นทุกข์ในนรก ตายแล้วจึงจะไปสวรรค์ไปพระนิพพานดังนี้ เป็นอันใช้ไม่ได้ เสียประโยชน์เปล่า

อย่าเข้าใจว่า เมื่อมีชีวิตอยู่สุขอย่างหนึ่ง เมื่อตายไปแล้วมีสุขอีกอย่างหนึ่ง เช่นนี้เป็นความรู้ที่เข้าใจผิดโดยแท้ เพราะจิตมีดวงเดียว เมื่อมีชีวิตอยู่ได้รับทุกข์ฉันใด แม้เมื่อตายไปแล้วก็ได้รับทุกข์ฉันนั้น
เมื่อยังมีชีวิตอยู่มีความสุข ฉันใด เมื่อตายไปแล้วก็ได้รับความสุขฉันนั้น ไม่ต้องสงสัย
เมื่อยังมีชีวิตอยู่ยังไม่รู้ไม่เห็นซึ่งความทุกข์และความสุขมีสภาวะดังนี้
เมื่อตายไปแล้วจะซ้ำร้ายยิ่งนัก จะมีทางรู้ทาง เห็นด้วยอาการอย่างไร
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาแก่ข้าฯ อานนท์ ด้วยประการดังนี้.

ปฏิจจสมุปปันนธรรมปฏิจจสมุปบาท แต่ละอาการ เป็นปฏิจจสมุปปันนธรรม(ธรรมที่อาศัยเหตุเกิด : ปฏิจจ แปลว่าเหตุ สมุปปันน แปลว่าเก...
03/11/2025

ปฏิจจสมุปปันนธรรม

ปฏิจจสมุปบาท แต่ละอาการ เป็นปฏิจจสมุปปันนธรรม
(ธรรมที่อาศัยเหตุเกิด : ปฏิจจ แปลว่าเหตุ สมุปปันน แปลว่าเกิด)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง ปฏิจจสมุปปันนธรรม แก่พวกเธอทั้งหลาย. พวกเธอทั้งหลาย จงฟัง ซึ่งธรรมนั้น จงทำในใจ ให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าวบัดนี้. ครั้นภิกษุทั้งหลาย เหล่านั้น ทูลสนองรับ พระพุทธดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้ว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิจจสมุปปันนธรรมทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า

(๑) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชรามรณะ เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว อาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไป เป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดามีความ จางคลายไปเป็น ธรรมดา มีความดับลงเป็นธรรมดา.

(๒) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชาติ เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้วอาศัยกัน และ กันเกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจาง คลาย ไปเป็นธรรมดา มีความดับลง เป็นธรรมดา.

(๓) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภพ เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้วอาศัยกัน และ กันเกิดขึ้น แล้ว มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจางคลายไป เป็นธรรมดา มีความดับลง เป็นธรรมดา.

(๔) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปาทาน เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว อาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไปเป็น ธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดามีความจางคลายไปเป็น ธรรมดา มีความดับลงเป็นธรรมดา.

(๕) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัณหา เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้วอาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มี ความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับลง เป็นธรรมดา.

(๖) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เวทนา เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้วอาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไปเป็น ธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดามี ความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับลง เป็นธรรมดา.

(๗) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผัสสะ เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้วอาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไป เป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับลง เป็นธรรมดา.

(๘) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สฬายตนะ เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว อาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไปเป็น ธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับลงเป็นธรรมดา.

(๙) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นามรูป เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้วอาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไปเป็น ธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดามีความจางคลาย ไปเป็นธรรมดา มีความดับลง เป็นธรรมดา.

(๑๐) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิญญาณ เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว อาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไปเป็น ธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดามีความจาง คลายไปเป็นธรรมดา มีความดับลงเป็นธรรมดา.

(๑๑) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว อาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไปเป็น ธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความจางคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับลงเป็นธรรมดา.

(๑๒) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อวิชชา เป็นของไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว อาศัยกัน และกัน เกิดขึ้นแล้ว มีความสิ้นไป เป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดามีความ จางคลายไปเป็น ธรรมดา มีความดับลงเป็นธรรมดา.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้ เรียกว่า ปฏิจจสมุปปันนธรรม ทั้งหลาย

วิบากใด บารมีนั้น
07/10/2025

วิบากใด บารมีนั้น

เอ๊ะนั้น สำคัญไฉนStephen Hawking  Once said: "The greatest enemy of knowledge is not ignorance, it is the illusion of kn...
18/09/2025

เอ๊ะนั้น สำคัญไฉน

Stephen Hawking Once said: "The greatest enemy of knowledge is not ignorance, it is the illusion of knowledge". แปลเป็นไทยได้ว่า "ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของความรู้ ไม่ใช่ความไม่รู้ แต่คือความหลงผิดว่ารู้".

คำอธิบายเพิ่มเติม

* "The greatest enemy of knowledge is not ignorance, it is the illusion of knowledge.": เป็นคำพูดที่สื่อความหมายว่า ความเข้าใจผิด (illusion of knowledge) ที่คิดว่าตัวเองรู้นั้น อันตรายกว่าการไม่รู้อะไรเลย (ignorance) เสียอีก.

* เพราะความไม่รู้ยังเปิดโอกาสให้เราเรียนรู้และยอมรับสิ่งใหม่ๆ ได้ แต่ความหลงผิดว่ารู้ จะทำให้เราปิดกั้นตัวเอง ไม่แสวงหาความรู้ที่ถูกต้อง ทำให้ติดอยู่ในความเข้าใจผิดต่อไป.

28/08/2025

ที่อยู่

Rayong
21120

เบอร์โทรศัพท์

+66954539942

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สวนปัญญาธรรมผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram