มาหาหมอ Ma Ha Mhor

มาหาหมอ Ma Ha Mhor ...

โรคที่มักระบาดในหน้าฝนที่หลายๆ คนอาจต้องระวัง คือ โรคตาแดงโรคตาแดง หรือโรคเยื่อบุตาอักเสบสาเหตุ- ส่วนใหญ่เกิดจาก อดีโนไว...
30/10/2023

โรคที่มักระบาดในหน้าฝนที่หลายๆ คนอาจต้องระวัง คือ โรคตาแดง

โรคตาแดง หรือโรคเยื่อบุตาอักเสบ
สาเหตุ
- ส่วนใหญ่เกิดจาก อดีโนไวรัส (Adenovirus)
- บางส่วนเกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส (Enterovisrus)

ระบาดตลอดทั้งปี แต่มักระบาดช่วงหน้าฝน เนื่องจากมีการกระจายตัวของเชื้อได้ง่ายขึ้น

อาการ
- เยื่อบุตาขาวแดง บวม อาจมีเลือดออกเป็นปื้นๆ
- คัน เคืองตา น้ำตาไหล
- หากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย อาจมีขี้ตาสีเหลือง
- เปลือกตาบวมแดง
- บางรายอาจมี อาการต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโต บวม มีอาการเจ็บ
- บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาอักเสบ (Keratitis)

การติดต่อ
- ติดต่อได้ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะสถานที่หรือบริเวณที่มีคนอยู่รวมกันมากๆ
- ระยะที่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้ ภายใน 2 สัปดาห์ โดย
- การสัมผัสโดนขี้ตาหรือน้ำตาของผู้ป่วยโดยตรง
- การใช้ของร่วมกับผู้ป่วย
- การไอ จาม หายใจรดกัน

ที่มาข้อมูล โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์

อีกหนึ่งโรคที่มักมาพร้อมกับหย้าฝนและน้ำท่วมขัง คือ "โรคน้ำกัดเท้า"โรคน้ำกัดเท้า คือ ภาวะที่ผิวหนังบริเวณเท้าเปื่อยลอก มั...
23/10/2023

อีกหนึ่งโรคที่มักมาพร้อมกับหย้าฝนและน้ำท่วมขัง คือ "โรคน้ำกัดเท้า"

โรคน้ำกัดเท้า คือ ภาวะที่ผิวหนังบริเวณเท้าเปื่อยลอก มักเกิดจากการแช่ในน้ำเป็นเวลานาน
แบ่งได้ 2 ระยะ

ระยะแรก
- อักเสบระคายเคือง ผิวหนังจะแดงลอก
- มีอาการเท้าเปื่อย คันและแสบ

ระยะที่สอง
- ติดเชื้อแทรกซ้อน ที่พบบ่อยคือ
ติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
- เท้ามีกลิ่นเหม็น

การป้องกัน
- รักษาความสะอาด และลดความชื้นของเท้า และรองเท้าให้มากที่สุด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำสกปรก และรีบล้างเท้าทันที ด้วยสบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว
- หลังจากล้างเท้าและเช็ดจนแห้งแล้ว ทาครีมให้ความชุ่มชื้น เพื่อลดโอกาสที่น้ำจะซึมผ่านผิวหนังจนเกิดความชื้นและผิวเปื่อย
- ในกรณีที่เหงื่อออกมาก อาจใข้แป้งโรยหรือทายาลดเหงื่อ
- หากเกิดบาดแผล ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสของแผลกับน้ำท่วมขัง

ที่มาข้อมูล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

โรคอุจจาระร่วงเฉียบหลัน (acute diarrhea)นิยามของโรค     ✏️ ถ่ายเหลวเป็นน้ำ มากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ใน 24 ชั่วโมง    ✏️ ถ่า...
16/10/2023

โรคอุจจาระร่วงเฉียบหลัน (acute diarrhea)

นิยามของโรค
✏️ ถ่ายเหลวเป็นน้ำ มากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ใน 24 ชั่วโมง
✏️ ถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้งใน 24 ชั่วโมง
ระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์

สาเหตุ
🖌 ติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร เช่น แบคทีเรีย ไวรัส พยาธิ
🖌 ได้รับยาหรือสารพิษต่างๆ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาระบาย ยารักษาโรคเก๊าท์ เป็นต้น
🖌 โรคอื่นๆ ในระบบทางเดินอาหาร เช่น ไส้ติ่งอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ เป็นต้น
🖌 การติดเชื่ออื่นๆ นอกระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคเลปโตสไปโรซิส โรคมาลาเรีย เป็นต้น

อาการ
👉🏻 ท้องเสียเป็นน้ำ หรืออาจมีมูกเลือดปน
👉🏻 ปวดท้อง ปวดเบ่ง
👉🏻 คลื่นไส้ อาเจียน
👉🏻 มีไข้
👉🏻 อาการของการสูญเสียสารน้ำและเกลือแร่ เช่น อ่อนเพลีย ปากแห้ง ปัสสาวะออกลดลง ความดันต่ำ และช็อกได้

อาการที่ต้องรีบไปพบแพทย์
📌 ไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
📌 อุจจาระมีมูกเลือดหรือปวดท้องรุนแรง
📌 ถ่ายเป็นน้ำรุนแรงหรือปริมาณมากคล้ายน้ำซาวข้าว
📌 มีโรคประจำตัว หรืออายุมากกว่า 65 ปี

การป้องกัน
👉🏻 ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงอาหารหรือรับประทานอาหาร
👉🏻 รับประทานอาหารสุกใหม่ หลีกเลี่ยงทานอาหารค้างคืน
👉🏻 ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำต้มสุก
👉🏻 ผักสดหรือผลไม้สดควรล้างให้สะอาด
👉🏻 มีภาชนะปกปิดอาหารกันแมลงวันตอม

ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

โรคที่มักมากับน้ำท่วมขัง ที่พบได้บ่อยอีกโรคหนึ่งคือ “ไข้ฉี่หนู🐭” หรือ เลปโตสไปโรซิส (leptospirosis) ที่หลายคนอาจเคยได้ยิ...
09/10/2023

โรคที่มักมากับน้ำท่วมขัง ที่พบได้บ่อยอีกโรคหนึ่งคือ “ไข้ฉี่หนู🐭” หรือ เลปโตสไปโรซิส (leptospirosis) ที่หลายคนอาจเคยได้ยินมานี่เอง
🐹โรคไข้ฉี่หนู มักพบในอาชีพ ที่ทำงานในที่ที่มีแหล่งน้ำท่วมขัง สัมผัสน้ำขัง หรือทำงานใกล้ชิดสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค เช่น สัตวบาล เกษตรกร ผู้ที่มีอาชีพสัมผัสน้ำอื่นๆ
🐹 พาหะของโรค ได้แก่ หนู หมา แมว วัว ความ หมู

🐹 เชื้อเลปโตสไปรา (leptospira) จะอยู่ในตัวสัตว์ที่เป็นพาหะ และจะติดเชื้อที่ท่อไต จากนั้นจะปล่อยเชื้อออกมากับปัสสาวะ

🐹 เชื้อจะอยู่ในที่ดินชื้นแฉะ หรือที่มีน้ำขัง และเข้าสู่คนทางผิวหนังอ่อน เช่น ซอกมือ ซอกเท้า และบาดแผล

🐹 อาการ มักมีอาการหลังได้รับเชื้อ 2-3 วัน จนถึง 2-3 สัปดาห์
👉🏻 อาการสำคัญ ไข้ ปวดศีรษะ ตาแดง ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะน่อง
👉🏻 อาการแทรกซ้อน ตัวเหลือง ตาเหลือง ไตวาย อาการทางสมองและระบบประสาท

📌หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ หากปล่อยให้อาการรุนแรงแล้วจึงรักษาอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

🐹 การป้องกัน
👉🏻 หลีกเลี่ยงการแช่นำ้ เดินลุยน้ำ ย่ำโคลนด้วยเท้าเปล่า โดยเฉพาะผู้มีบาดแผลหรือรอยขีดข่วน
👉🏻 การสวมรองเท้าบู๊ทและสวมถุงมือที่สะอาด
👉🏻 ดูแลสุขอนามัยให้สะอาดอยู่เสมอ
👉🏻 ปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ
👉🏻 ชำระล้างร่างกายทันทีหลังเสร็จงาน หรือลุยน้ำ

ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน

โรคที่มากับน้ำท่วมขัง 🌊🌦 หน้าฝนแบบนี้ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลังเกิดฝนตกก็คือ น้ำท่วมขัง ซึ่งหากเราได้สัมผัสกับน้ำท่วมข...
05/10/2023

โรคที่มากับน้ำท่วมขัง 🌊
🌦 หน้าฝนแบบนี้ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลังเกิดฝนตกก็คือ น้ำท่วมขัง ซึ่งหากเราได้สัมผัสกับน้ำท่วมขัง อาจก่อให้เกิดโรคตามมาได้หลายโรค
ได้แก่
👉 โรคไข้ฉี่หนู
👉 โรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่
👉 โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคตับอักเสบ
👉 โรคน้ำกัดเท้า โรคผิวหนัง
👉 โรคตาแดง
👉 โรคไข้เลือดออก
👉 ถูกสัตว์ร้ายมีพิษกัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง

ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงการเดินหรือแช่ในบริเวณที่น้ำท่วมขังไม่ได้ควรใส่รองเท้าบู๊ทหรือถุงพลาสติกป้องกันบริเวณเท้าและขาที่จะสัมผัสน้ำ
หากมีบาดแผลควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำท่วมขังโดยตรง
เมื่อถึงบ้านแล้วควรรีบทำความสะอาดชำระล้างล้างร่างกายทันที เพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค

ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลกรุงเทพ

😷🤱 RSV โรคยอดฮิตในเด็กเล็ก✏️ RSV คืออะไร?   - ไวรัส RSV คือ respiratory syncytial virus   - ไวรัสชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดโ...
20/09/2023

😷🤱 RSV โรคยอดฮิตในเด็กเล็ก

✏️ RSV คืออะไร?
- ไวรัส RSV คือ respiratory syncytial virus
- ไวรัสชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ

✏️ อาการของโรค
- ไอมาก
- เสมหะมาก
- หายใจมีเสียงหวีด
- ไอร่วมกับมีอาการหอบเหนื่อย

✏️ การติดเชื้อไวรัส RSV
- เชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่มีความทนทานต่อสภาพแวกล้อมภายนอกร่างกาย
- มักติดต่อผ่านทางการ ไอ จาม การสัมผัสโดยตรงจากสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เป็นต้น
- ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ แต่หากเกิดในผู้ใหญ่หรือเด็กโตสุขภาพแข็งแรง อาการป่วยจะหายได้เอง
- ในเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หรือผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด หรือโรคหัวใจ ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีอาการรุนแรง

✏️ การป้องกัน
- หมั่นล้างมือให้สะอาด
- หลีกเลี่ยงการไปชุมชนหรือที่แออัด
- ทำความสะอาดของใช้หรือของเล่นเด็กเป็นประจำ

✏️ การรักษา
- รักษาตามอาการ
- ยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัส

ที่มาข้อมูล : RAMA Channel

"ไข้เลือดออก" โรคที่มากับหน้าฝน    โรคไข้เลือดออก สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ เป็นโรคที่ติ...
11/09/2023

"ไข้เลือดออก" โรคที่มากับหน้าฝน

โรคไข้เลือดออก สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ เป็นโรคที่ติดต่อจากคนสู่คน โดยอาศัยยุงลายเป็นพาหะนำโรค
อาการของโรค
- ไข้สูงเกือบตลอดเวลา
- ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยตามตัว
- จุดเลือดออกตามตัวหรือผื่นแดง
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้องขชายโครงขวา
- หากอาการรุนแรงอาจมีเลือดออกผิดปกติและอาการช็อกได้

การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัส รักษาประคับประคองตามอาการ

การป้องกัน
- ระวังไม่ให้ยุงกัด
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก (โดยเฉพาะในคนที่เคยป่วยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน)

หากมีอาการที่เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อไข้เลือดออก ดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ แนะนำควรพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
ข้อมูลจาก : RAMA Channel

"ไข้หวัดใหญ่" โรคที่พบได้บ่อยในปลายฤดูฝน ต้นฤดูหนาว สาเหตุเกิดจาก?  - การติดเชื้อ influenza virus  - มีสายพันธุ์ A B C  ...
06/09/2023

"ไข้หวัดใหญ่" โรคที่พบได้บ่อยในปลายฤดูฝน ต้นฤดูหนาว

สาเหตุเกิดจาก?
- การติดเชื้อ influenza virus
- มีสายพันธุ์ A B C
- สายพันธุ์ A มีความรุนแรงมากที่สุด

มักมีอาการ ไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ มีอาการทางระบบหายใจ เช่น น้ำมูก ไอ หรือบางรายมีอาการระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ร่วมด้วย

วิธีการติดต่อของเชื้อไวรัส
- แพร่เชื้อโดยสัมผัส ฝอยละออง น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย
- ติดต่อทางการหายใข เชื้อจะปนเปื้อนในอากาศ เมื่อผู้ป่วยไอ จาม พูด ในพื้นที่ที่อยู่รวมกันมาก

การป้องกัน
- รับประทานอาหารมีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ
- ใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่สถานที่แออัด
- ล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
- ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี

หากมีอาการที่เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ แนะนำควรพบแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

ข้อมูลจาก : RAMA Channel , กรมควบคุมโรค

นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร ทำความรู้จักไว้เพื่อหนีให้ไกลปลอดภัยที่สุดนิ่วในถุงน้ำดี คือ ตะกอนของแข็งที่เกิดสะสมขึ้นภายในถุงน้...
30/08/2023

นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร ทำความรู้จักไว้เพื่อหนีให้ไกลปลอดภัยที่สุด

นิ่วในถุงน้ำดี คือ ตะกอนของแข็งที่เกิดสะสมขึ้นภายในถุงน้ำดี อาจมีขนาดเล็กเท่ากับเม็ดทรายหรือจะใหญ่ทำกับลูกมะกรูดก็ได้ ซึ่งตะกอนดังกล่าวจะมีจำนวนมากเป็นร้อยๆ ก้อน อุดตันอยู่ในถุงน้ำดี ทั้งนี้ถุงน้ำดีมีหน้าที่ทำให้น้ำดีเข้มข้น ไว้พร้อมใช้สำหรับขับน้ำดีออกมาคลุกเคล้ากับอาหาร โดยน้ำดีจะทำหน้าที่ดักจับไขมันเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย นั่นเองจึงทำให้เมื่อเกิดนิ่วขึ้น การทำงานของถุงน้ำดีจึงผิดปกติและส่งผลระบบทำงานของถุงน้ำดี ซึ่งถ้าหากนิ่วตกลงไปอุดที่ท่อน้ำดีใหญ่ อาจส่งผลต่อการทำให้ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ นิ่วในถุงน้ำดีสามารถจำแนกได้ออกเป็น 2 ชนิด คือ

1.ชนิดที่เกิดจากคอเรสเตอรอล พบได้บ่อยมากที่สุดคือร้อยละ 80 ของผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดีจะเป็นชนิดนี้ เกิดจากการมีคอเรสเตอรอลมากเกินไป จึงไปเกาะจับกันจนทำให้ถุงน้ำดีทำงานผิดปกติ
2.ชนิดที่เกิดจากเม็ดสีบิลิรูบิน พบได้น้อยกว่าชนิดแรก โดยก้อนนิ่วจะมีขนาดเล็กกว่าชนิดคอเรสเตอรอลมักพบในผู้ป่วยโรคตับแข็ง หรือผู้ป่วยที่มีภาวะผิดปกติของเลือด อย่างโรคโลหิตจาง

ปัจจัยเสี่ยงใดบ้าง เป็นหนทางพาเราเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดี

หากสังเกตจากชนิดของโรคนิ่วในถุงน้ำดี เราจะพบว่าชนิดที่เป็นกันมากที่สุดคือชนิดที่เกิดจากคอเรสเตอรอล นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนได้ว่า พฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนเรามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ ประกอบกันด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีส่วนทำให้เราเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี ได้แก่

1.ความอ้วน ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคนี้ได้มากที่สุด เพราะเป็นสาเหตุของการทำให้คอเรสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มมากขึ้น
2.การทานอาหารไขมันสูง ชอบทานบุฟเฟต์ ปิ้งย่าง ฯลฯ เป็นสาเหตุของความอ้วนและนำไปสู่ภาวะคอเรสเตอรอลในน้ำดีสูง
3.ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบทานผัก
4.อายุ 40 ปี ขึ้นไป ระบบเผาผลาญในร่างกายที่แย่ลง ทำให้การสะสมคอเรสเตอรอลมีสูงขึ้น จึงเสี่ยงมากขึ้น
5.โรคนิ่วในถุงน้ำดีพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
6.ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทน จะมีความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีเพิ่มมากขึ้น เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน มีส่วนในการเพิ่มปริมาณคอเรสเตอรอลในถุงน้ำดี
7.หากพบว่าในครอบครัวมีคนเคยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี เราก็จะยิ่งมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น

สังเกตอาการอย่างไร ถึงจะรู้ว่ากำลังเสี่ยงภัยนิ่วในถุงน้ำดี

ความอันตรายของโรคนิ่วในถุงน้ำดีคือเป็นโรคไม่แสดงอาการให้เราเห็นชัดเจนมากนักในช่วงแรก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะทราบก็เมื่อได้รับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด แต่ทั้งนี้ เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ที่อาจเป็นสัญญาณของการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ จากหลายๆ อาการ ได้แก่

คลื่นไส้ อาเจียน บ่อยๆ
มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
รู้สึกแสบร้อนที่อก มีลมในกระเพาะอาหาร
หลังรับประทานอาหารมันๆ มักมีอาการเสียดท้อง แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่
ปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณช่วงท้องส่วนบนด้านขวา โดยปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ในรายผู้ป่วยที่ถุงน้ำดีอักเสบ อาจมีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงด้านขวา
บริเวณตำแหน่งของถุงน้ำดี และอาจมีภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง ร่วมด้วย

ข้อมูลจาก รพ.พญาไท 3

RSV คืออะไร ทำไมเด็กถึงติดกันเยอะRSV เป็นไวรัสที่ชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทาง...
27/08/2023

RSV คืออะไร ทำไมเด็กถึงติดกันเยอะ

RSV เป็นไวรัสที่ชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี จะติดต่อกันได้ง่าย แต่ถ้ามีอาการรุนแรงมักจะเจอในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี ส่วนมากตัวเชื้อไวรัสนี้จะลงไปที่หลอดลมฝอย หรือลงไปที่ตัวเนื้อปอด ทำให้เป็นปอดอักเสบ หรือเป็นหลอดลมฝอยอักเสบ สิ่งที่อันตรายที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวัง ถ้าเจอเชื้อไวรัสนี้ในเด็กเล็ก ๆ อายุน้อยกว่า 3 เดือน อาจจะทำเกิดอาการหยุดหายใจได้ ซึ่งถือว่าเป็นเชื้อไวรัสที่อันตรายมากในเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่คลอดก่อนกำหนด ก็จะเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ RSV มากกว่ากลุ่มอื่น หรือเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีภาวะขาดสารอาหาร ก็มักจะมีโอกาสติดเชื้อ RSV ได้มากกว่าเด็กกลุ่มอื่น เชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อกันง่าย ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ โดยไวรัสเข้าสู่ร่างกายผ่านทาง ตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ แพร่กระจายได้ง่าย ผ่านการไอหรือจาม

ผลเสียจาก RSV ในเด็กที่กระทบต่อระบบทางเดินหายใจ

อาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อ
ต้องเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู
ระบบหายล้มเหลว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
เชื้อไวรัส RSV มักจะระบาดช่วงไหน

ช่วงที่ระบาดจะเป็นช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม หรือบางทีอาจต่อเนื่องถึงช่วงต้นฤดูหนาว

เมื่อติดเชื้อ RSV จะมีอาการอย่างไร

-มีไข้สูง 39-40 องศา ติดต่อกันหลายวัน
-มีน้ำมูก ลักษณะของน้ำมูกจะมีความเหนียวมาก คล้ายกาว
-ไอเยอะ ไอแบบมีเสมหะมาก
-หายใจครืดคราด บางรายอาจจะมีอาการหายใจเร็ว หรือหายใจแรง
หรือมีอาการหอบเหนื่อย
-บางรายเด็กอาจจะปากหรือตัวซีดเขียว ซึ่งเป็นภาวะที่ควรต้องรีบไปพบแพทย์โดยทันที

ความรุนแรงของ RSV ขึ้นกับอะไร

-อายุ
-โรคประจำตัว
-ภาวะเสี่ยงของเด็ก เช่น เด็กที่คลอดก่อนกำหนด
-RSV กับไข้หวัดต่างกันอย่างไร

RSV คล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่แตกต่างกันตรงที่ RSV จะไข้สูง และระยะเวลาในการเป็นจะนานกว่าไข้หวัดธรรมดา อาจจะมีอาการอยู่ที่ 5-7 วัน ไอนาน มีน้ำมูกเยอะ มีเสมหะมากกว่าเด็กที่เป็นไข้หวัดธรรมดา ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลคือ พอเด็กมีน้ำมูกเยอะ หรือเสมหะเยอะ บางครั้งเขาเอาออกเองไม่ได้ เขาจะหายใจลำบาก

เลี้ยงลูกอย่างไรไม่เป็น RSV

1.หากลูกต้องออกนอกบ้าน ไปโรงเรียน ควรฝึกให้ลูกใส่หน้ากากอนามัยให้เป็นนิสัย นอกจากจะป้องกันเชื้อไวรัส RSV ได้แล้ว ยังสามารถป้องกัน COVID19 ฝุ่น 5 และโรดติดเชื้อต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 1 ปี ที่ห้ามสวมหน้ากากอนามัย เพราะอาจทำให้ขาดอาการหายใจได้ หากต้องไปพบคุณหมอ หรือไปนอกบ้านควรมีผ้าคลุม เพื่อป้องกันละอองฝอยของเชื้อโรค
2.ระมัดระวังเรื่องความสะอาด และป้องกันการติดเชื้อ ก่อนจะให้ใครจับตัวเด็ก ควรให้ล้างมือ ฟอกสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ใหญ่ที่ไปทำงานนอกจาก อาจจะเป็นพาหะที่นำเชื้อจากนอกบ้านมาติดเด็กได้ เพราะฉะนั้นเมื่อออกไปนอกบ้านก่อนจับตัวหรือเล่นกับลูกหลาน ควรอาบน้ำให้สะอาด
3.หลีกเลี่ยงอย่าให้ลูกคลุกคลี กับคนที่มีอาการหวัด ไอ จาม หรือมีน้ำมูก ควรอยู่ห่างประมาณ 90 ซม.
4.ทำความสะอาดของเล่น หรือคอกเล่น หรือที่นอนของลูกบ่อย ๆ
5.หลีกเลี่ยงไม่พาลุกไปสถานที่แออัด เน้นพาไปสถานที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงให้เด็กจับสิ่งของสาธารณะต่าง ๆ หากจับต้องรีบล้างมือ
6.หลีกเลี่ยงสถานทีที่เป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย เช่น เนอสเซอรี่ แหล่งที่มีเด็กอยู่รวมกันหลาย ๆ คน เช่น บ้านบอล หรือสนามเด็กเล็น ถ้าช่วงเป็นช่วงที่โรคนี้ระบาด ก็ควรหลีกเลี่ยง
7.ฝึกให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่
8.ให้ลูกกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
9.ถ้าลูกป่วยควรให้หยุดเรียน
10.สังเกตอาการ หากลูกมีไข้สูง หายใจลำบาก มีน้ำมูก หรือเสมหะมากผิดปกติ ควรรีบพาไปหาคุณหมอทันที

การรักษาเมื่อลูกเป็น RSV

ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวัคซีนที่จะรักษา RSV ที่โดยตรง คุณหมอจะรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ แก้ไข ละลายเสมหะ หรือบางรายที่มีเสมหะเหนียวมาก อาจต้องพ่นยาขยายหลอดลมผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอด และดูดเสมหะออก เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการไอ และอาการหายใจหอบเหนื่อยได้ นอกจากนี้แนะนำให้เด็กดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เสมหะเหนียวและเชื้อไวรัสจะได้ไม่ลงปอด

โรคติดเชื้อไวรัส RSV ใช้เวลาในการฟื้นไข้ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ไวรัสชนิดนี้ทำให้เกิดอาการได้ตั้งแต่ไข้หวัดธรรมดา รวมถึงอาการรุนแรงเป็นปอดบวมซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกน้อยได้ เชื้อไวรัสนี้มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ

ข้อมูลจาก ศูนย์กุมารเวช รพ.วิชัยเวชฯ หนองแขม

จริงหรือไม่? ใส่เสื้อชั้นในนอน เสี่ยง “มะเร็งเต้านม!”หนึ่งในเรื่องที่สาว ๆ ต้องให้ความสนใจไม่แพ้ความงามหรือสุขภาพที่ดี น...
23/08/2023

จริงหรือไม่? ใส่เสื้อชั้นในนอน เสี่ยง “มะเร็งเต้านม!”

หนึ่งในเรื่องที่สาว ๆ ต้องให้ความสนใจไม่แพ้ความงามหรือสุขภาพที่ดี นั่นคือเรื่องของ “หน้าอก” หน้าใจที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเรื่องบุคลิกภาพแล้ว “เต้านม” ยังเป็นอวัยวะที่เสี่ยงต่อการเกิด “มะเร็ง” มะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิงมากเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทยและทั่วโลก



ใส่เสื้อชั้นในนอน ต้นเหตุมะเร็งเต้านม จริงหรือ?!

“เต้านม” เป็นอวัยวะที่มักจะถูกปกปิดไว้ด้วยเสื้อชั้นในอยู่เสมอ และสำหรับมักจะสวมใส่เสื้อชั้นในขณะนอนอีกด้วย แต่ก็มีหลายความเชื่อที่ว่า “หากใส่เสื้อชั้นในขณะนอน จะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้!” ซึ่งความเชื่อดังกล่าวนั้น “ยังไม่มีผลการวิจัยยืนยันว่าการสวมใส่เสื้อชั้นในตอนนอนจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม” หรือกล่าวได้ว่า การใส่เสื้อในขณะนอนไม่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านมนั่นเอง

ปัจจัยเสี่ยงการเกิด “มะเร็งเต้านม”

- ญาติสายตรงมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมจำนวนหลายคน หรือเป็นมะเร็งเต้านมทางพันธุกรรม
- เคยเจาะก้อนที่เต้านมแล้วผลมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
- ประจำเดือนมาไวกว่า 12 ปี หรือหมดช้ามากกว่า 55 ปี
- มีภาวะอ้วน BMI >35
- ได้รับยาฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน
- ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ปริมาณมาก


แม้จะยังไม่มีผลการวิจัยยืนยันเกี่ยวกับการใส่เสื้อชั้นในนอนว่าเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม แต่คุณสาว ๆ ทั้งหลาย ก็ควรเลือกใช้เสื้อชั้นในที่มีขนาดพอดีตัว ไม่มีโครง หรือรัดแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้รู้สึกอึดอัด ส่งผลต่อการนอนหลับ และตามมาด้วยปัญหาสุขภาพ เช่น หายใจติดขัด ปวดคอ ปวดหลัง หรือผิวหนังระคายเคือง

และหากพบว่าเกิดความผิดปกติขึ้นบริเวณเต้านม ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุความผิดปกติ นำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดต่อไป

ข้อมูลจาก โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล

โรต้าไวรัส เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบในกระเพาะอาหารและลำไส้ ผู้ป่วยจะมีอาการ ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ปริมาณมาก...
15/08/2023

โรต้าไวรัส เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบในกระเพาะอาหารและลำไส้ ผู้ป่วยจะมีอาการ ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ปริมาณมาก มักมีอาการอาเจียน มีไข้และปวดท้องร่วมด้วย เป็นได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี

การติดต่อ

ติดต่อโดยเข้าทางปากโดยตรง ซึ่งเชื้ออาจปนเปื้อนมากับมือสิ่งของ เครื่องใช้หรือของเล่นต่าง ๆ
ผู้ป่วยสามารถแพร่เซื้อออกมากับอุจจาระได้ตั้งแต่ 2 วันก่อนเริ่มมีอาการ

อาการที่พบ
-อาเจียน
-ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
-มีไข้
-ชักเพราะไข้สูง

ไวรัสโรต้าอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียนอย่างหนักจนเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงถึงขั้นช็อกหรือเสียชีวิตได้ จึงควรสังเกตอาการขาดน้ำที่เป็นสัญญาณเตือนว่าต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว ได้แก่ กระหายน้ำ ปากแห้ง กระวนกระวาย ซึม ตาโบ๋ กระหม่อมบุ๋ม เป็นต้น

วิธีป้องกัน

-ล้างมือด้วยสบู่ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังการขับถ่าย และก่อนหลังการเปลี่ยนผ้าอ้อม
-ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ
-การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
-วัคซีนโรต้า ปัจจุบันเป็นวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็กไทย ช่วยลดความรุนแรงของโรค

ที่อยู่

Rayong
21000

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 00:00
อังคาร 10:00 - 00:00
พุธ 10:00 - 00:00
พฤหัสบดี 10:00 - 00:00
ศุกร์ 10:00 - 00:00
เสาร์ 10:00 - 00:00
อาทิตย์ 10:00 - 00:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ มาหาหมอ Ma Ha Mhorผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ การปฏิบัติ

ส่งข้อความของคุณถึง มาหาหมอ Ma Ha Mhor:

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram