เปิดทำการกี่โมง?

อังคาร 10:00 - 17:00 พุธ 09:00 - 17:00 พฤหัสบดี 09:00 - 17:00 ศุกร์ 09:00 - 17:00 เสาร์ 09:00 - 17:00 อาทิตย์ 09:00 - 17:00

เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.facebook.com/123669582366650/

Grounded Counseling Center - ศูนย์บริการปรึกษาเชิงจิตวิทยา, Rayong (2025)

23/11/2025

ใกล้สิ้นปีแล้ว…. ผมว่าคำนี้คงถูกพูดถึงบ่อยขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปีแบบนี้ ปีที่กำลังจะผ่านไปนี้เราหลายคนเจอทั้งเรื่องที่สมหวัง และผิดจากที่หวังเอาไว้ บางอย่างก็คิดขึ้นมาได้ว่า “เกิดแต่กับกู“ ทำไมกับคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบเราเลย จึงเป็นช่วงเวลาที่เรามีโอกาสกลับมาทบทวนว่าแล้วตัวเราเองล่ะ เมื่อพูดถึงคำนี้พวกเรานึกถึงอะไรกัน?
ผมคิดว่าเราจะมีทั้งเรื่องที่มีความสุข และเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ สำหรับบางคนอาจจะนึกถึงเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจขึ้นมาก่อน พอกับเรื่องที่มีความสุขกลับนึกได้ยากกว่า ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะเจอเรื่องราวที่ไม่สมหวังทำให้ทุกข์ใจมากกว่า ทำให้เรายิ่งท้อใจมากขึ้น แต่มีอีกความเป็นไปได้คือ คุณมี Negative Bias คือ อคติเชิงลบ ในการให้การปรึกษาแบบ CBT (Cognitive and Behavioral therapy มองว่าเรามีความเชื่อที่ทำให้เกิดความทุกข์หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้น คือ Mental filter หรือ การที่เราเลือกมองแต่เรื่องร้ายๆของเหตุการณ์นั้นๆ
แล้วถ้าเรามองย้อนกลับไปแล้วเจอแต่เรื่องทุกข์ใจเราทำอย่างไรได้บ้าง? เรามีวิธีการที่ชวนให้ทุกคนลองทำดูเพื่อให้การได้มองทบทวนด้วยใจที่สงบมากขึ้น ดังนี้
🏆1. ตามหา 'ชัยชนะเล็กๆ' (Small Wins)
อย่ามองหาแค่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ระดับเปลี่ยนชีวิต ลองมองหาเรื่องเล็กๆ ที่คุณทำได้ดีในปีนี้ เช่น
• ปีนี้คุณรอดจากวันที่แย่ๆ มาได้
• คุณเริ่มกินผักมากขึ้นนิดหน่อย
• คุณกล้าปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ชอบ
• หรือแม้แต่การที่คุณ "ยังไม่ยอมแพ้" จนถึงวันนี้
สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานว่าคุณ ได้เติบโตขึ้น
📈2. เปลี่ยน 'ความล้มเหลว' ให้เป็น 'ข้อมูล' (Data)
ปรับจากมองความผิดพลาดเป็น "ตราบาป" แต่ให้มองเป็น "ข้อมูล"
แทนที่จะบอกว่า "ฉันล้มเหลวที่ลดน้ำหนักไม่ได้"
ลองบอกกับตัวเองว่า "ฉันได้เรียนรู้ว่า วิธีการกินแบบเดิมอาจไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของฉัน ปีหน้าฉันต้องปรับแผนใหม่"
(ลองถามตัวเราดูว่าหากมองเช่นนี้เรารู้สึกต่างไปไหม)
❤️3. โอบกอดตัวเอง (Self-Compassion)
ปีนี้อาจมีเรื่องหนักหนาที่คุณต้องแบกรับมามากพอแล้ว อ่อนโยนกับตัวเองโดย ลองพูดกับตัวเองเหมือนที่คุณจะพูดกับเพื่อนรักที่กำลังเหนื่อยดูบ้าง
📌 Challenge ส่งท้ายปี:
ก่อนจะเลื่อนผ่านไป ผมอยากชวนทุกคนคอมเมนต์แชร์ "1 เรื่องเล็กๆ ที่คุณภูมิใจในปีนี้" ให้พวกเราและเพื่อนๆ ได้อ่านกันนะครับ
#จิตวิทยา #พัฒนาตนเอง #ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

04/11/2025

เวลาที่คุณรู้สึกเครียดจากการทำงาน คุณเคยรู้สึกราวกับว่าอยู่คนเดียวในที่ทำงานไหม?
อยากจะระบาย แต่ก็ไม่รู้จะหันไปทางไหน 👉 จะพูดกับเพื่อนร่วมงาน ก็ไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครได้จริงหรือเปล่าปัญหาของเรา "เล็กเกินไป" ไหม? 👉 หรือถ้าพูดกับหัวหน้า เขาจะคิดยังไงกับเรา? จะกระทบงานรึเปล่า? — สุดท้ายเลยเก็บไว้คนเดียว
ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ต้องเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวแบบนี้ ยิ่งทำให้เรายิ่งอยากแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวมากยิ่งขึ้น
จริงๆ แล้ว การมี "พื้นที่ปลอดภัย" ที่เรากล้าแชร์เรื่องในใจ ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย แต่มันคือ "หัวใจ" ของการรับมือกับความเครียด
เราได้เรียนรู้จาก กลุ่มสนับสนุน (Support Group) ว่ามี "ส่วนผสมมหัศจรรย์" ที่ช่วยเยียวยาจิตใจ โดยวันนี้ขอยกมา 3 ปัจจัย :
เราพบว่าในกลุ่มสนับสนุน (Support Group) มี “ส่วนผสมมหัศจรรย์” 3 อย่างที่ช่วยเยียวยาใจเราได้โดยวันนี้ขอยกมา 3 ปัจจัย
การรับรู้ว่าเราไม่ได้สู้คนเดียวนี่นา (Universality) แค่ได้ยินคนอื่นเล่าว่า "เฮ้ย, เราก็เจอแบบนี้เป๊ะเลย" ความรู้สึกโดดเดี่ยว, การโทษตัวเองว่า "ฉันอ่อนแอไปรึเปล่า" มันจะค่อยๆ หายไปทันที เรารู้สึกว่าเราเป็น 'ปกติ' และมีเพื่อนหัวอกเดียวกัน
การได้ ระบาย แบบไม่ต้องกลัว (Catharsis) มันคือการได้ "ปล่อยของ" ได้พูดทุกอย่างที่อัดอั้นตันใจออกมาในพื้นที่ที่ไม่มีใครมาตัดสิน (No Judge Zone!) แค่ได้พูดออกมาตรงๆ ความหนักอึ้งในใจที่แบกไว้... มันก็เบาลงไปเยอะแล้ว
ความรู้สึกอุ่นใจว่ามีทีม (Group Cohesiveness) นี่คือความรู้สึกว่า "เราเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่" มีคนรับฟัง, มีคนเข้าใจ, และเราไว้ใจกันได้ ความรู้สึกอุ่นใจนี้แหละครับคือสิ่งที่เรียกว่า 'พื้นที่ปลอดภัย' ของจริง
แน่นอนว่า การจะหาส่วนผสมทั้ง 3 อย่างนี้ให้ครบในที่ทำงาน มันอาจจะยากมากๆ หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย
นี่คือเหตุผลที่เราตั้งใจสร้างพื้นที่ที่จะได้มีปัจจัยที่ช่วยรับมือความเครียดได้ ขึ้นมา มันคือ "บ้าน" หลังเล็กๆ ที่อบอุ่นและปลอดภัย ที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานโดยเฉพาะ เป็นพื้นที่ที่เราจะมาใช้พลังของ การมีกันและกัน เพื่อกอดใจและเยียวยาความเหนื่อยล้าไปด้วยกัน
ถ้าคุณกำลังมองหาที่พักใจเล็กๆ แบบนี้ เราหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างพื้นที่ที่จะได้ดูแลจิตใจไปพร้อมกันในเร็วๆนี้

พัชญ์ภารัณ กรณ์วณิชพัชร์
นักจิตวิทยาการปรึกษา

#พื้นที่ปลอดภัย #ชุมชนคนทำงาน #กอดใจ #ดูแลใจ #พลังของกลุ่มา?

29/10/2025

ในแต่ละวัน เราตื่นขึ้นมาแล้วเริ่มทำหน้าที่ของเรา บางคนเริ่มด้วยเสียงนาฬิกาปลุก บางคนเริ่มด้วยข้อความงานที่ยังไม่ได้ตอบ และบางคนยังไม่ทันได้เริ่มวันก็รู้สึกเหมือนใจมันเหนื่อยอยู่ก่อนแล้ว
ภายนอกเราอาจดูปกติ ยิ้มให้คนอื่น ประชุมตามเวลา กินข้าวเที่ยงตรงเหมือนทุกวัน แต่ภายในกลับมีแรงบางอย่างที่ถ่วงอยู่ มันรู้สึกหน่วงๆ ไม่สบายใจ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
เหมือนถูกแรงที่มองไม่เห็นกดทับอยู่ตลอดเวลา
จริงๆแล้ว เรากำลังทรงตัวอยู่ระหว่าง “แรงกดดันจากภายนอก” และ “แรงกดดันจากภายใน”
สองแรงที่มองไม่เห็น แต่ต่างก็ถ่วงน้ำหนักลงบนใจของเราอย่างเงียบๆ
แรงกดดันจากภายนอกคืออะไร
คือสิ่งที่โลกเรียกร้องจากเรา -> เดดไลน์ที่รัดแน่น การประชุมที่ยาวจนวันหดสั้น ความคาดหวังจากหัวหน้า ทีม หรือครอบครัว สายตาที่รอผลลัพธ์ เสียงแจ้งเตือนงานที่ดังขึ้นไม่รู้จบ เหล่านี้คือแรงกดดันที่มองเห็นได้ชัด แต่ก็ยากจะหลีกเลี่ยง เพราะมันคือโลกที่เราอยู่ และเราเองก็อยากทำให้ดีที่สุด
แล้วแรงกดดันภายในล่ะ
แรงกดดันจากภายในนั้นละเอียดกว่า เงียบกว่า และบางทีก็แข็งแรงกว่า -> มันคือเสียงเล็ก ๆ ในใจที่คอยบอกว่า “ฉันควรทำได้ดีกว่านี้” “อย่าทำพลาดอีกนะ” หรือ “ฉันยังไม่ดีพอ” เสียงเหล่านี้แม้ไม่ได้ยินจากข้างนอก แต่มันก็ดังก้อง และชัดเจนพอที่จะสั่นสะเทือนอยู่ข้างใน เราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังพูดกับตัวเองแบบนั้นทุกวัน
เมื่อแรงกดดันจากทั้งสองฝั่งค่อย ๆ ทำงานพร้อมกัน ความเครียดจึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในทันที แต่มันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ จากความพยายามจะ “ทรงตัว” ระหว่างสิ่งที่โลกคาดหวัง และสิ่งที่เราคาดหวังจากตัวเอง
บางครั้งเราก็ลืมถามตัวเองว่า “เรายังไหวอยู่ไหมนะ” หลายวันผ่านไปจนรู้สึกเหมือนพลังในตัวถูกรีดออกเรื่อยๆ จนบางครั้งก็อยากจะหนี อยากจะหายไปจากทุกอย่าง อยากวางทุกภาระลงโดยไม่ต้องอธิบายอะไรให้ใครฟัง เพราะลึกๆแล้วเราแค่เหนื่อย เหนื่อยกับการพยายามเป็นในแบบที่คนอื่นหวัง และเหนื่อยกับการต้องเป็นตัวเองในแบบที่ไม่เคยปล่อยให้พลาดเลยสักครั้ง
บางที การยอมรับว่า “ฉันกำลังเหนื่อย” ก็เพียงพอแล้วสำหรับวันนี้ เพราะนั่นคือจังหวะที่เราได้วางของลงชั่วครู่ ได้หายใจลึก ๆ แล้วฟังเสียงหัวใจของตัวเองอีกครั้ง เสียงหัวใจที่ไม่ต้องสม่ำเสมอ ไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลา แค่ยังเต้นอยู่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว 🌿 .
เบื้องหลังคือสิ่งที่เราเห็นไม่ชัด
ส่วน “สัญญาณของความเครียด” คือสิ่งที่ร่างกายพยายามบอกเราเสมอ
โพสต์ก่อนหน้านี้…อาจช่วยให้คุณได้ฟังเสียงนั้นชัดขึ้นอีกนิดนะ 💭

พิมพ์พลอย รุ่งแสง
นักจิตวิทยาการปรึกษา

24/10/2025

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเครียดอยู่?
ในการใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นปกติที่เราจะเจอเรื่องที่เป็นอุปสรรคไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เราอยากให้เป็น บ้างเป็นปัญหาเล็กบ้าง บ้างเป็นปัญหาใหญ่บ้าง ซึ่งปัญหาเล็ก ใหญ่นั้นก็ก่อให้เกิดขนาดของความเครียดที่ไม่เท่ากัน
เมื่อเราพูดถึงความเครียด เราอาจจะนึกว่าเรามีประสบการณ์กับความเครียดเหมือนกันทั้งหมด และเราคิดว่าเราสามารถใช้วิธีเดียวกันในการแก้ไขได้ ในประสบการณ์ของผมพบว่าความเครียดที่แต่ละคนรับรู้ได้นั้นอาจจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน แต่เราแต่ละคนสังเกตถึงความเครียดด้วยวิธีที่แตกต่างกัน เราสังเกตได้จากอะไรบ้างล่ะ ?
วันนี้ผมชวนเรามาสังเกตถึงความเครียดของตนเองผ่านสิ่งต่างๆเหล่านี้
1. ร่างกาย หมายถึง อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรา เช่น ไหล่ตึง ปวดหัว นอนไม่ค่อยหลับ
2. ความคิด หมายถึง สิ่งที่เราคิดวนเวียนอยู่ในหัวซึ่งยิ่งทำให้เรารู้สึกไม่ดี
3. ความรู้สึก หมายถึง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเรื่องนั้น ๆ เป็นคำๆเดียว เช่น กังวล กลัว หงุดหงิด
4. พฤติกรรม หมายถึง สิ่งที่เราลงมือทำที่สามารถสังเกตได้ เช่น กินข้าวมากขึ้น หรือน้อยลง ไม่ไปทำงาน พึ่งพาสารเสพติด
หากเราพบว่าเราเริ่มมีอาการเช่นนี้มากขึ้นกว่าช่วงอื่นๆ อาจจะเป็นสัญญาณที่แสดงว่าเราเริ่มมีความเครียด ซึ่งเมื่อสังเกตเห็นแล้วการจะหาวิธีรับมือจึงเป็นการทำความเข้าใจที่มาของความเรคยีด ซึ่งในบทความถัดไปเราจะมาทำความเข้าใจที่มาของความเครียดกันมากยิ่งขึ้น
นักจิตวิทยาการปรึกษา
พัชญ์ภารัณ กรณ์วณิชพัชร์

11/10/2025

การให้อภัยเกิดได้แม้คุณจะไม่ยกโทษให้ก็ตาม
ผมให้อภัยคนๆนั้นไม่ได้หรอก ถ้าเขายังสองมาตรฐานอยู่แบบนี้
ผมจะให้อภัยคนๆนั้นก็ต่อเมื่อผมได้รับคำขอโทษที่จริงใจ
บางครั้งอารมณ์โกรธ อยากแก้แค้นก็บรรเทาลงได้โดยการที่เห็นความยุติธรรมมันเกิดขึ้นตามที่หวังไว้ แต่บางครั้งที่แม้คนๆนั้นจะยอมขอโทษคุณแล้ว หรือแม้แต่เขาได้รับผลกรรมอย่างสาสมแล้ว หากแต่ความโกรธ ความเคียดแค้นของคุณที่มียังคงลุกโชนอยู่เหมือนเคย
เมื่อเร็วๆนี้ผมได้มีโอกาสอ่านงานเกี่ยวกับการให้อภัยตามแบบของนักจิตวิทยาท่านหนึ่งอย่างคุณ Fred Luskin ที่มองการให้อภัยว่าคือการ ‘สิ่งที่เราทำเพื่อตัวเราเอง มิใช่การที่เรายกโทษหรือลบลืมการกระทำที่ไม่เป็นธรรมที่คุณได้รับจนหมดสิ้น’
การให้อภัยเกิดขึ้นได้แม้คุณกับคนที่คุณแค้นจะขาดจากกันในชีวิต
การให้อภัยเกิดขึ้นได้แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกันจะไม่ได้รับการคลี่คลาย
ซึ่งการให้อภัยหรือของขวัญที่ว่านี้คือ การที่ตัวเราปลดปล่อยความโกรธแค้น และความต้องการจะแก้แค้นลงได้
เพราะเมื่อชีวิตคุณกลับสู่ความปกติสุขไร้ซึ่งอารมณ์อันเกิดจากการให้อภัยไม่ได้เหล่านี้แล้ว ความไม่ยุติธรรมที่เคยเกิดขึ้นนี้ก็จะแปรเป็นเพียงความทรงจำเฉกเช่นเดียวกับความทรงจำอื่นในชีวิตที่มอบบทเรียนและสะท้อนให้คุณค้นพบตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ปรารถนาจะให้อภัยแล้ว ผมอยากให้ลองพิจารณาในแง่มุมนี้ดู โดยที่คุณโฟกัสไปกับการคลี่คลายความโกรธที่พรากสติในการเพิ่มพูนความงอกงามแก่ชีวิต โฟกัสไปกับการวางใจที่จะตระหนักว่าการกระทำอะไรก็ตามที่คนเหล่านั้นปฏิบัติกับคุณมันไม่มีผลกระทบใดแก่คุณแม้แต่น้อย เมื่อคนเหล่านั้นไม่ได้มีความหมายใดใดแล้ว...
‘การจะไปแก้แค้นก็อาจจะไม่ได้จำเป็นสำหรับชีวิตคุณเท่าเดิมก็ได้’
นักจิตวิทยาการปรึกษา
คีตา มากศิริ

04/10/2025

“ปัญหา และความทุกข์”

ชีวิตคนเราย่อมต้องเจอกับปญหาไม่มากก็น้อย ตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแตเรื่องครอบครัว การเรียน ความสัมพันธ์ การทำงาน และอื่นๆ ในช่วงเวลาเช่นนั้นเราแก้ไขปัญหาไปตามกำลังที่เรามี มีบางครั้งที่เราสามารถจัดการได้

ในขณะที่เจอปัญหาเราอาจจะพบว่าหลายครั้งที่เราผ่านมันมาได้โดยไม่ได้มีความทุกข์ หรือจมอยู่กับสิ่งนั้น แต่มีบางครั้งที่เราจะรู้สึกทุกข์ เช่น เศร้า เสียดาย ผิดหวัง และไม่สามารถที่จะก้าวผ่านความรู้สึกนั้นไปได้

จากประสบการณ์ของผมเห็นว่าปัญหา กับความทุกข์นั้นแม้จะเชื่อมโยงกันก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวกัน แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เราเกิดควาทุกข์ขึ้น?

โดยความหมายของปัญหานั้น หมายถึง ข้อสงสัย ข้อขัดข้อง หรืออุปสรรค ที่จะไปถึงเป้าหมาย ขณะที่ ความทุกข์ หมายถึง สภาพที่ทนได้ยาก หรือความไม่สบายกายไม่สบายใจ เกิดได้ทั้งทางกาย และทางใจ

มีหลายครั้งที่ ปัญหายังไม่สามารถคลี่คลายได้ เช่น เรากำลังรอที่จะเรียนจบเพื่อหาเงินมาช่วยครอบครัวได้มากขึ้น หรือปัญหาที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น การสูญเสียคนรัก ครอบครัว แต่เราสามารถที่จะหาวิธีรับมือกับความทุกข์ของเราได้

จุดเริ่มต้นในการรับมือกับความทุกข์จึงชวนให้เราได้เห็นก่อนว่าปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดที่เราใช้ชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความทุกข์กับมันไปตลอด

นักจิตวิทยาการปรึกษา
พัชญ์ภารัณ กรณ์วณิชพัชร์ (แป๊ะ)

26/09/2025

เคยมั้ยที่เราตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง แต่ก็อยากรอให้ ‘มีอารมณ์’ หรือ ‘รู้สึกพร้อม’ ก่อนถึงจะค่อยเริ่มทำ แต่รอไปรอมาอารมณ์ที่ว่าก็ไม่มาเสียทีจนกลายเป็นได้ล้มเลิกความตั้งใจไปกลางทาง หรือต้องรอจนเดดไลน์วิ่งเข้าใส่ ความพร้อมจะทำถึงได้พุ่งขึ้นมา
แล้วเจ้าอารมณ์หรือความพร้อมที่ว่าก็ดูเหมือนจะกำหนดไม่ได้ว่าจะมาเมื่อไหร่ นึกจะมาก็มา หรือบางครั้ง แม้ว่าเราจะเตรียมตัวให้พร้อมแค่ไหนก็ยังไม่รู้สึกพร้อมจะลงมือทำเสียที ได้แต่รอไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันจะมาเอง
หากเรามาสังเกตดูแล้ว การเตรียมตัวและความรู้สึกพร้อมอาจกลายเป็นคนละเรื่องกันได้หากเรามีภาพความคาดหวังที่ยากเย็นหรือเหนือจริงเกินไป
คาดหวังให้รู้สึกสบายใจไร้กังวลแล้วจึงเริ่มทำ
คาดหวังให้เมื่อเริ่มทำแล้วก็สามารถทำต่อได้อย่างราบรื่นไปตลอดหลายชั่วโมงหรือตลอดไป
คาดหวังให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในความพยายามครั้งแรก
คาดหวังที่จะป้องกันจุดผิดพลาดทั้งหมดได้อย่างไร้ที่ติ
คาดหวังที่คนอื่นทุกคนจะยอมรับในผลงานของเรา
และอื่น ๆ อีกมากมายที่เราคาดหวังโดยไม่รู้ตัว
ความคาดหวังเหล่านี้อาจจะเป็นไปได้ก็ได้หากปัจจัยทุกอย่างถึงพร้อมอย่างถึงที่สุด เราอาจจะเคยมีประสบการณ์เหล่านี้แล้วด้วยซ้ำ เราจึงเฝ้าหวังว่ามันจะเกิดขึ้นอีก วันที่เราปลอดโปร่ง หัวแล่น มีแรงบันดาลใจ อากาศกำลังดี คนรอบตัวไม่รบกวน ปัญหาอื่น ๆ ถูกจัดการไปจนหมดจนเราสามารถทำสิ่งที่ตั้งใจได้อย่างราบรื่นสมบูรณ์แบบ
คงไม่แปลกที่เราจะคิดถึงวันพิเศษเหล่านั้นและคาดหวังให้ตัวเองใช้เวลาแสนสั้นสร้างผลงานที่สมบูรณ์แบบได้อีก แต่เพราะมันเป็นวันพิเศษมันจึงหาได้ยาก ในขณะที่สิ่งที่เราอยากทำหรือต้องทำมีเข้ามาทุกวัน เราจึงไม่อาจรอให้ ‘มีอารมณ์’ จะทำได้ทุกครั้ง ในทางตรงกันข้าม บางครั้งแม้จะไม่ได้รู้สึกพร้อมหรือมีอารมณ์ แต่เมื่อได้เริ่มทำไป ความพร้อมก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากประสบการณ์ที่เราได้หยิบจับลงมือทำ และเห็นจุดที่พัฒนาได้อย่างแท้จริง
รอให้พร้อมได้ รอให้มีอารมณ์ได้ แต่ถ้ารอแล้วรอเล่าแต่เขาไม่มาสักที อาจต้องกลับมาทบทวนความคาดหวังของเราว่ามีอารมณ์ที่ว่ามันเป็นภาพหรือความรู้สึกแบบไหน :)
นักจิตวิทยาการปรึกษา
ณัชชา ศรีพิบูลพานิช (พราว)

05/07/2025

𝐆𝐫𝐨𝐮𝐧𝐝𝐞𝐝 𝐂𝐨𝐮𝐧𝐬𝐞𝐥𝐢𝐧𝐠 𝐂𝐞𝐧𝐭𝐞𝐫 ขอแนะนำบริการปรึกษาเชิงจิตวิทยาและทีมนักจิตวิทยาของเรา พร้อมชวนแต่ละท่านมาตอบข้อสงสัยที่มักพบเกี่ยวกับกระบวนการปรึกษาเชิงจิตวิทยา สำหรับคุณสมบัติและแนวทางการทำงาน สามารถอ่านได้ในแคปชั่นแต่ละรูป

ทีมนักจิตวิทยาของเรา:
👤คุณพัชญ์ภารัณ กรณ์วณิชพัชร์
👤คุณณัชชา ศรีพิบูลพานิช
👤คุณคีตา มากศิริ

💡ข้อสงสัยที่มักพบเกี่ยวกับกระบวนการปรึกษาเชิงจิตวิทยา
1. กระบวนการปรึกษาเชิงจิตวิทยา (counseling) คืออะไร?
2. นักจิตวิทยาของ Grounded มีแนวทางในการทำงานอย่างไร?
3. สิ่งที่เราอยากบอกกับคนที่กำลังเผชิญปัญหา

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรึกษาเชิงจิตวิทยา สามารถติดต่อได้ทางกล่องข้อความ (inbox) ของ Facebook
สามารถทำการนัดหมายได้ที่ (คลิกลิงก์): https://forms.gle/X4Yvi4opncKmQmb29
🌿 #นักจิตวิทยา #ปรึกษาจิตวิทยา

01/07/2025

ประกาศสำคัญ: การขยายบริการเป็นศูนย์บริการปรึกษาเชิงจิตวิทยา 🌱

เรียนผู้ติดตามทุกท่าน

ผมขอเรียนแจ้งถึงการขยายบริการเป็นศูนย์บริการปรึกษาเชิงจิตวิทยาของเพจ นักจิตวิทยาการปรึกษา - คีตา มากศิริ
เดิมทีเพจนี้เป็นพื้นที่สำหรับการบริการปรึกษาเชิงจิตวิทยาโดยผม คีตา มากศิริ เพียงคนเดียว และหลังจากได้ทบทวนและมีโอกาสที่ชีวิตได้พบกับกัลยาณมิตรที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในเส้นทางบริการปรึกษา
ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า เราได้ขยายการดำเนินงานสู่การเป็น "ศูนย์บริการปรึกษาเชิงจิตวิทยา" ในนาม Grounded Counseling Center โดยศูนย์บริการฯ จะมีนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญอีก 2 ท่าน เข้ามาร่วมทีม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดูแลและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตที่หลากหลายและครอบคลุมยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะยังคงยึดมั่นในมาตรฐานการบริการปรึกษาเชิงจิตวิทยาที่มีพื้นฐานความเคารพและจริยธรรมการทำงานเช่นเดิม ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทุกท่านสำหรับทีมงานใหม่ของเรา
การเปลี่ยนแปลงสู่ศูนย์บริการจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 กรกฏาคม พ.ศ. 2568 และจะทำการแนะนำนักจิตวิทยาทุกท่านให้ได้รู้จักอย่างละเอียดต่อไป โปรดติดตามการอัปเดต
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและอยู่เคียงข้างมาโดยตลอด
คีตา มากศิริ
นักจิตวิทยาการปรึกษา

27/09/2024

อิสรภาพทางใจ
หากพิจารณาถึงอิสรภาพในชีวิตคงทำให้เรานึกถึงความหรูหราที่คุณสามารถทำได้ทุกสิ่งที่อยากทำ มีได้ทุกสิ่งที่อยากมี แต่สิ่งนี้ทำให้หัวใจเราได้เป็นอิสระจริงๆ หรอ
ผมลองเปรียบเทียบมันกับอิสรภาพทางการเงิน แล้วพบว่าการจะมีอิสรภาพในแง่นี้คือ การที่คุณมั่นใจว่าสามารถมีเงินเข้ามาจุนเจือได้ในทุกเดือนจากธุรกิจหรือสิ่งใดก็ตามที่คุณสร้างไว้ในอดีต
ความมั่นใจหรือภาวะที่ไร้ความหวาดกลัวนี้หรือเปล่านะ ที่จะช่วยส่งเสริมให้อิสรภาพเกิดขึ้นแก่ใจเราจริงๆ เพราะแม้คุณจะสามารถทำได้ทุกสิ่งที่อยากทำแล้วแต่ยังคงหวาดกลัวว่าจะไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากอยู่เต็มอก คุณก็อาจจะยังดิ้นรนที่จะเพิ่มพูนความมั่งมีภายนอกเพียงหวังว่าจะเป็นที่ยอมรับ
กลับกันในวันนี้ที่คุณปราศจากความหวาดกลัวต่อความจะได้มีหรือไม่ได้มี หากคุณไม่แยแสกับเงื่อนไขในใจที่คุณสร้างมันขึ้นมา หากคุณรับรู้คุณค่าของตนเองได้ผ่านการกระทำที่สอดคล้องกับตัวเองมิใช่ผูกมันไว้กับการถูกสรรเสริญ
ผมคิดว่าคงดีหากคุณจะได้กลับมาพิจารณาถึงกรงขังที่เรียกว่าความหวาดกลัวที่ขัดขวางอิสระในชีวิต และลองค้นหาทางที่จะปลดมันออกเพื่อที่จะได้ดำรงชีวิตเยี่ยง ‘อิสรชน’ ผู้มีอิสรภาพทางใจ
คีตา มากศิริ
นักจิตวิทยาการปรึกษา

07/08/2024

ในความกังวลมีความปรารถนาซ่อนอยู่
ความกังวลถือเป็นคนคุ้นเคยที่ผมมักเจอในชีวิตช่วงนี้ บางทีที่ผมกังวลก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อนรนอะไร และแน่นอนบางครั้งความกังวลก็รบกวนความสงบสุขในระหว่างวันของผมเหลือเกิน
ผมลองตั้งใจพิจารณาความกังวลของชีวิตช่วงนี้ดู และก็ได้ประจักษ์ถึงสิ่งที่ครูบาอาจารย์หรือแม้แต่ได้ศึกษาศาสตร์จิตวิทยาในหนังสือหรือรายงานต่าง ๆ
‘คือ ในความกังวลของผมนั้นมีความปรารถนาบางสิ่งหลบซ่อนอยู่’
ช่วงนี้ผมใช้เวลาอยู่กับความกังวลในการเป็นพ่อคน การเป็นผู้นำครอบครัว ซึ่งมอบหมายภาระหน้าที่ที่ติดตามมาด้วยโดยปริยาย
ผมกังวลว่าจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดี หาเงินมาไม่เพียงพอต่อหลายชีวิต ซึ่งพอตั้งใจทบทวนความกังวลนี้อย่างจริงจังว่า ‘เพราะอะไรเราถึงกังวลนะ?’
คำตอบแรกที่ปรากฏขึ้นมาคือ เพราะผมอยากเหลือเกินที่จะปรนเปรอลูกโดยการมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเชื่อว่าเขาสมควรได้รับ ผมอยากเหลือเกินที่จะหาเงินให้ได้มากมาย
ผมมีแรงปรารถนาที่คอยกดดันอยู่ภายในใจ และมันสมเหตุสมผลเหลือเกินที่ผมจะเป็นทุกข์เพราะ ความปรารถนาที่สูงลิ่วเหล่านี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะไปถึง
พอได้เห็นความปรารถนานี้ก็ได้สติ (ฮ่า) เพราะพอคิดดูจริง ๆ แล้ว ลูกไม่ได้ร้องขอสิ่งใดนอกไปจากความอบอุ่น และความสะอาดขั้นพื้นฐานในช่วงวัยทารกนะ
และแท้จริงแล้ว ภาระหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบสิ่งต่าง ๆ ในวันนี้ เดี๋ยวนี้ต่างหากที่สำคัญสำหรับผม และการจะมั่นใจว่าจะดูแลครอบครัวให้ได้ดีคือ การที่ผมเริ่มวางแผนและทำปัจจุบันวันนี้ให้เต็มที่
บทสรุปหนึ่งที่ผมได้จากการเห็นความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในความกังวล คือ การทำอะไรสักอย่างกับแรงปรารถนานี้ ไม่ได้มีเพียงแค่หนทางของการหาทางกำจัดมันออกไปเท่านั้น หากแต่เพียงได้กลับมาตั้งความปรารถนาให้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านี้ก็ช่วยให้ชีวิตผมสงบแม้จะกังวลอยู่ก็ตาม
คีตา มากศิริ
นักจิตวิทยาการปรึกษา

Grounded Counseling Center - ศูนย์บริการปรึกษาเชิงจิตวิทยา

23/11/2025

04/11/2025

29/10/2025

24/10/2025

11/10/2025

04/10/2025

26/09/2025

05/07/2025

01/07/2025

27/09/2024

07/08/2024

ที่อยู่

เวลาทำการ

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

ติดต่อ การปฏิบัติ

ทางลัด

แชร์

ประเภท

อังคาร	10:00 - 17:00
พุธ	09:00 - 17:00
พฤหัสบดี	09:00 - 17:00
ศุกร์	09:00 - 17:00
เสาร์	09:00 - 17:00
อาทิตย์	09:00 - 17:00