คลินิกหมอเกรซ

คลินิกหมอเกรซ คลินิกโรคเด็ก โรคทั่วไป จังหวัดระย? "อบอุ่นใจ ใกล้ใกล้บ้าน" รับปรึกษา/รักษา/ดูแล สุขภาพกาย-ใจ เด็กและผู้ใหญ่ ทั้งครอบครัวค่ะ พบกันได้ที่ "คลินิกหมอเกรซ"นะคะ^^

09/11/2025

วันนี้คลินิกเปิด 9:00-14:00 น.นะคะ
เนื่องจากหมอติดธุระ
ช่วงบ่ายค่ะ

เทคนิคสอนเด็กพูดช้า ตอนที่ 1 (มี 9 เทคนิค แต่คลิปนี้ สอน 4 เทคนิคแรกก่อนนะคะ)ทำตามได้ง่าย ใช้ได้จริงค่ะจาก #เพจตลาดนัดคร...
06/11/2025

เทคนิคสอนเด็กพูดช้า ตอนที่ 1
(มี 9 เทคนิค แต่คลิปนี้ สอน 4 เทคนิคแรกก่อนนะคะ)

ทำตามได้ง่าย ใช้ได้จริงค่ะ

จาก #เพจตลาดนัดครอบครัว

⚡️⚡️วันหยุดคลินิกเดือน พฤศจิกายน  2568🚫ปิดวันที่ 16, 27 พ.ย. และทุกศุกร์-เสาร์ค่ะ(16 พ.ย. รับเฉพาะนัดพัฒนาการ)🚩 มีบริการ...
02/11/2025

⚡️⚡️วันหยุดคลินิกเดือน พฤศจิกายน 2568
🚫ปิดวันที่ 16, 27 พ.ย. และทุกศุกร์-เสาร์ค่ะ
(16 พ.ย. รับเฉพาะนัดพัฒนาการ)

🚩 มีบริการตรวจประเมิน-กระตุ้นพัฒนาการ/ปรับพฤติกรรม/คลินิกฝึกพูด
โดยแพทย์~นักกิจกรรมบำบัด~นักแก้ไขการพูดและทีมดูแลเฉพาะทาง
🔆รับเฉพาะคนไข้นัดและจองล่วงหน้า
⁉️ หากสงสัยพูดช้า ไม่นิ่ง ซนมาก สมาธิสั้น ปัญหาการเรียน/อารมณ์
ติดต่อได้ที่ Line : หรือเค้าท์เตอร์ด้านหน้าคลินิกค่ะ

🚩 ตามแนวทางสุขภาพเด็กดี
แนะนำให้เด็กไทยทุกรายคัดกรองพัฒนาการทั่วไป ช่วงอายุที่ 9, 18, 30, 42, 60 เดือน
เรามีบริการและราคาพิเศษจ้า

▶️ ติดต่อ/สอบถาม/ทำนัดได้ที่
Line official : หรือเค้าท์เตอร์ด้านหน้าคลินิกค่ะ
🎀🎀🎀🎀🎀
วันอื่นๆเปิดตามปกติ คือ
🕰 จ. - พฤ. เวลา 17 -20 น.
🕰 อา เช้า-บ่าย เวลา 9 -15 น.
ปิดรับลงทะเบียนก่อนหมดเวลา 30 นาที
และ 🚫 ปิดทุกวันศุกร์-เสาร์

🎈ให้บริการ
ฉีดวัคซีนทุกชนิด (ยกเว้นโควิด)
ตรวจโรคเด็กและโรคทั่วไป
ใบรับรองแพทย์
จำหน่ายนม
พ่นยา ดูดเสมหะ
ตรวจหาเชื้อโรคทางเดินหายใจและไข้เลือดออก
ฝึกพูด/ตรวจ/กระตุ้นพัฒนาการและปรับพฤติกรรม
* ไม่รับฝากครรภ์
📞 089-0842266 (ในเวลาทำการ)
📱 Facebook : คลินิกหมอเกรซ
🛜 Line ID :
📌แผนที่ google map :
https://goo.gl/maps/nVr6m3LeH1jpLDTu5
#ด้วยรักและหวังดี #คลินิกหมอเกรซ

31/10/2025

📍live สด “เคล็ด(ไม่)ลับของการเลี้ยงลูกวัยเตาะแตะอย่างเข้าใจ”

เหมาะสำหรับ พ่อแม่หรือผู้ปกครองเด็กวัย 1-3 ปี

เพื่อเราจะได้เข้าใจพัฒนาการ, ลักษณะของลูกน้อย, สไตล์การเลี้ยงดูและการปรับพฤติกรรมที่เหมาะสมกับช่วงวัยนี้ค่ะ

🚩 รวมข้อสงสัยและทุกคำถาม-คำตอบ เรื่อง “สมาธิสั้น”✔️สมาธิสั้นเป็นเรื่องของสารสื่อประสาทในสมอง พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมหลาย...
26/10/2025

🚩 รวมข้อสงสัยและทุกคำถาม-คำตอบ เรื่อง “สมาธิสั้น”

✔️สมาธิสั้นเป็นเรื่องของสารสื่อประสาทในสมอง พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมหลายปัจจัยร่วมกัน
✔️เด็กไม่ได้ตั้งใจหรือจงใจทำ และเค้าต้องการความเข้าใจและความช่วยเหลือ
✔️ฝึกปรับพฤติกรรมและใช้ยาในบางราย ก็ช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ มีความสุขและเรียนรู้เต็มศักยภาพได้

อ่านต่อได้ในบทความเลยค่า 🔽

#ด้วยรักและหวังดี #คลินิกพัฒนาการ #คลินิกหมอเกรซ

9 ข้อที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคสมาธิสั้น โดยหมอเค…ศ.นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ

1. เด็กที่นั่งเล่นมือถือ วิดีโอเกม ต่อเลโก้ หรือจิ๊กซอว์ วาดรูป หรืออ่านหนังสือเล่มโปรดได้นาน ๆ ไม่น่าจะเป็นโรคสมาธิสั้น
เด็กสมาธิสั้นสามารถจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองสนใจได้นานจนดูเหมือนว่ามีสมาธิกับสิ่งที่ชอบได้ แต่หากให้เด็กทำสิ่งที่ไม่ชอบ หรือน่าเบื่อสำหรับเด็ก หรือกิจวัตรประจำวันที่จำเป็นต้องทำ มักจะไม่มีสมาธิจดจ่อ ทำงานไม่เสร็จ ขาดความรอบคอบ และไม่เรียบร้อย นอกจากนี้เด็กที่ใช้สื่อผ่านจอตั้งแต่วัยเด็กเล็ก เป็นปริมาณมาก และเป็นรายการที่ไม่เหมาะสมกับเด็กมีโอกาสที่จะมีพฤติกรรมสมาธิสั้น และปัญหาด้านการควบคุมตัวเองได้ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้นเสมอไป

2. ลูกแค่ไฮเปอร์ไม่น่าจะเป็นสมาธิสั้น
ไฮเปอร์เป็นคำที่พ่อแม่มักใช้เพื่อเล่าเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็ก หมายถึง อาการซน ยุกยิก อยู่ไม่นิ่ง ไม่ได้เป็นการวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น ซึ่งโรคนี้เด็กจำเป็นต้องมีอาการซน หุนหันพลันแล่น และ/หรือสมาธิสั้นที่มากกว่าเด็กวัยเดียวกัน และเข้าได้กับเกณฑ์การวินิจฉัยอย่างน้อยใน 2 สถานการณ์ เช่น ที่บ้านและโรงเรียน จนส่งผลกระทบต่อการเรียน การทำงาน การดำเนินชีวิตประจำวัน และความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น เช่น มีปัญหาความสัมพันธ์กับพ่อแม่และเพื่อน เป็นต้น ดังนั้นไฮเปอร์จึงหมายถึงแค่พฤติกรรม ไม่ใช่การวินิจฉัยโรค

3. ลูกเรียนได้คะแนนดี ไม่น่าจะเป็นสมาธิสั้น
เด็กสมาธิสั้นสามารถมีสติปัญญาปกติหรือสูงกว่าเกณฑ์ปกติได้ ซึ่งหากยังเรียนอยู่ในระดับชั้นที่ไม่สูงมาก เช่น อนุบาลหรือประถมต้น และพอที่จะมีสมาธิอยู่บ้างก็อาจเรียนได้คะแนนดีมาก แต่หากเรียนในชั้นที่สูงขึ้น ซึ่งมีเนื้อหายากขึ้น และจำเป็นต้องคงให้มีสมาธินานขึ้นก็อาจจะเรียนอย่างไม่มีประสิทธิภาพ จนเริ่มเห็นผลการเรียนที่ไม่ดีเท่ากับตอนเล็ก ๆ ได้

4. หากลูกเป็นสมาธิสั้นควรงดอาหาร ขนม เครื่องดื่มที่มีรสหวาน หรืออาหารบางประเภท
ปัจจุบันการรักษาโรคสมาธิสั้นตามมาตรฐานไม่แนะนำให้หลีกเลี่ยงหรืองดอาหารต่าง ๆ หากเด็กไม่ได้มีประวัติแพ้อาหารใด ๆ ร่วมด้วย อย่างไรก็ตามผู้ปกครองบางคนมีประสบการณ์ว่าหากลูกงดอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวานแล้วทำให้เด็กซนน้อยลง ก็เป็นเพียงข้อสังเกตเฉพาะรายบุคคลเท่านั้น ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์จากงานวิจัยอย่างเพียงพอที่จะสรุปได้

5. กินยาสมาธิสั้นแล้วจะกดประสาทเด็ก ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ
พ่อแม่ผู้ปกครองมักจะเคยชินกับพฤติกรรมเด็กสมาธิสั้นที่เป็นเด็กซน ไฮเปอร์ มีพลังงานในตัวมาก พูดเก่ง กล้าตอบคำถาม และหุนหันพลันแล่น ซึ่งเมื่อเด็กกินยาสมาธิสั้นจะทำให้เด็กควบคุมตัวเองได้มากขึ้นจนดูเหมือนว่าเด็กไม่เป็นธรรมชาติ จริง ๆ แล้วยารักษาสมาธิสั้น เป็นยากลุ่มที่กระตุ้นให้มีสมาธิ (stimulants) มากกว่าที่จะกดพฤติกรรมเด็ก ซึ่งหากหมอปรับยาให้เหมาะสม ไม่ได้มากเกินไป เด็กก็จะดูเหมือนเด็กทั่วไป และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

6. ให้เด็กกินยาสมาธิสั้นแล้วจะติดจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้หากไม่กินยา
เด็กที่กินยาสมาธิสั้นอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ร่วมกับได้รับการปรับพฤติกรรมและฝึกระเบียบวินัยอย่างสม่ำเสมอไปด้วย เด็กจะค่อย ๆ ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป จนเด็กสามารถเรียนรู้ที่จะกำกับตนเองให้มีสมาธิขึ้น แม้จะไม่ได้กินยา ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะสามารถหยุดยาได้เมื่อโตขึ้น

7. กินวิตามิน อาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาในสื่อโซเชียลเพื่อหวังให้ลูกมีสมาธิ ความจำดีขึ้น ไม่ลืมง่าย และผลการเรียนดีขึ้น
ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานจากงานวิจัยว่ามีวิตามิน อาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งที่จะช่วยรักษาโรคสมาธิสั้น ช่วยบำรุงสมอง หรือเพิ่มความจำได้ตามสรรพคุณที่กล่าวอ้าง ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรรู้เท่าทัน ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และปรึกษาหมอเด็กหรือหมอที่ดูแลรักษาลูกก่อนน่าจะดีกว่า

8. ลูกเป็นโรคสมาธิสั้นจึงควรฝึกให้นั่งสมาธิเพื่อจะได้มีสมาธิดีขึ้น
จริง ๆ แล้วเด็กสมาธิสั้นโดยเฉพาะที่มีอาการซนหุนหันพลันแล่นจะมีความยากลำบากในการนั่งสมาธิ แต่เด็กโตและวัยรุ่นน่าจะมีโอกาสฝึกนั่งสมาธิได้มากกว่า ถึงแม้ว่าการนั่งสมาธิจะไม่ใช่การรักษาโรคสมาธิสั้น แต่ก็เป็นกิจกรรมที่สามารถช่วยให้เด็กมีสติ ผ่อนคลาย และมีความสุขสงบได้หากฝึกฝนอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามกิจกรรมที่จะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กสมาธิสั้น คือ การเล่นกีฬา ดนตรี ศิลปะ และการทำงานบ้าน เพื่อฝึกให้เด็กมีความรับผิดชอบ มีวินัย รู้จักหน้าที่ กฎกติกา ความคิดสร้างสรรค์ และมีความภูมิใจในตนเอง เป็นต้น

9. โรคสมาธิสั้นจะหายไปเองเมื่อโตขึ้น
เมื่อโตขึ้นอาการซนอยู่ไม่นิ่งจะลดลง แต่อาการสมาธิสั้น และหุนหันพลันแล่นจะยังคงอยู่ได้เมื่อเป็นวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ดังนั้นหากเด็กตั้งแต่วัยอนุบาลที่มีอาการซน อยู่ไม่นิ่ง สมาธิสั้น และหุนหันพลันแล่นควรพาไปปรึกษากับหมอพัฒนาการเด็กหรือจิตแพทย์เด็กเพื่อให้การวินิจฉัยและดูแลรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะช่วยให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้นเมื่อโตขึ้น หากเด็กไม่ได้รับการวินิจฉัยและช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจะมีความเสี่ยงที่จะยังคงมีอาการสมาธิสั้นเมื่อเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ส่งผลให้มีความยากลำบากในการบริหารจัดการงานต่าง ๆ ทำงานไม่เสร็จ มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ มีปัญหาความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือแฟน มีปัญหาทางจิตเวชเพิ่มขึ้น เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล ทำร้ายตนเอง ติดสารเสพติด หย่าร้าง ประสบอุบัติเหตุทางจราจร ปัญหาอาชญากรรม เป็นต้น

#ทุกเรื่องการเลี้ยงลูกตลาดนัดครอบครัวมีคำตอบ

🚩 รวมข้อสงสัยและทุกคำถาม-คำตอบ เรื่อง “ยาสมาธิสั้น”อ่านต่อได้ในบทความเลยค่า 🔽 #ด้วยรักและหวังดี  #คลินิกพัฒนาการ  #คลินิ...
26/10/2025

🚩 รวมข้อสงสัยและทุกคำถาม-คำตอบ เรื่อง “ยาสมาธิสั้น”

อ่านต่อได้ในบทความเลยค่า 🔽

#ด้วยรักและหวังดี #คลินิกพัฒนาการ #คลินิกหมอเกรซ

10 ข้อที่พ่อแม่ควรรู้เกี่ยวกับยารักษาโรคสมาธิสั้นในประเทศไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2568) โดยหมอเค…ศ.นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ

1. ยาหลักในการรักษาโรคสมาธิสั้นในประเทศไทย คือ ยา methylphenidate ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นให้มีสมาธิ โดยการเพิ่มสารโดปามีนและนอร์อิพิเนฟรินบริเวณจุดประสานประสาท (synapse) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่ช่วยให้มีสมาธิจดจ่อ ลดความวอกแวก ซน อยู่ไม่นิ่ง และความหุนหันพลันแล่น ส่งผลให้มีผลการเรียน และปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและผู้อื่นดีขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ การทำร้ายตนเอง การทำผิดกฎหมาย และการติดสารเสพติด ซึ่งยานี้รับรองให้ใช้ในเด็กที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้นที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป

2. methylphenidate เป็นยาเม็ดที่มีการออกฤทธิ์ตั้งแต่ออกฤทธิ์สั้น (3-4 ชั่วโมง; เช่น ยา Ritalin, Rubifen 10 มก.) ปานกลาง (8 ชั่วโมง; ยา Ritalin LA 20 มก.) และออกฤทธิ์ยาว (10-12 ชั่วโมง; Concerta 18, 27, 36, 54 มก. และยา methylphenidate sandoz 18, 36 มก.) ซึ่งการที่จะเลือกใช้ยาที่ออกฤทธิ์แบบไหนขึ้นกับระยะเวลาที่ต้องการให้ยาออกฤทธิ์เพื่อให้เด็กสามารถทำหน้าที่ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการเรียน และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมและเต็มศักยภาพของเด็ก โดยมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด และจำเป็นต้องอาศัยการตัดสินใจร่วมกันระหว่างหมอที่ดูแลรักษา ผู้ปกครอง และเด็กโตหรือวัยรุ่นด้วย

3. ปกติยาออกฤทธิ์สั้นมักเริ่มให้กินครั้งละครึ่งเม็ดเช้าและกลางวัน โดยสามารถกินหลังหรือก่อนอาหารได้ หรือเด็กบางคนจำเป็นต้องกินยามื้อเย็น (ไม่ควรเกิน 16-17 น.) เพื่อช่วยควบคุมพฤติกรรมในช่วงเย็นร่วมด้วย หากเด็กยังกลืนยาไม่ได้ ยาออกฤทธิ์สั้นสามารถเคี้ยวได้ ยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังกินยาไปประมาณครึ่งชั่วโมง เด็กบางคนอาจมีอาการหงุดหงิด โกรธ ซน และหุนหันพลันแล่นมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ยาใกล้จะหมดฤทธิ์ได้

4. ยาที่ออกฤทธิ์ปานกลางและยาวจะเหมาะสำหรับเคสที่ต้องการกินยาวันละครั้ง เด็กที่ลืม หรือไม่อยากกินยามื้อกลางวัน หรือไม่สามารถรับผิดชอบกินยาด้วยตนเองเมื่ออยู่โรงเรียน หรือคุณครูไม่สามารถกำกับดูแลให้เด็กกินยาได้ ยาที่ออกฤทธิ์ทั้ง 2 อย่างนี้จะมีราคาแพงกว่ายาที่ออกฤทธิ์สั้น และอาจมีผลข้างเคียงที่นานกว่าตามระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์ ยาออกฤทธิ์ปานกลางสามารถกลืนได้ทั้งเม็ด หรือเด็กที่กลืนยาทั้งเม็ดไม่ได้ก็สามารถถอดแคปซูลและโปรยเม็ดยาเล็ก ๆ โดยผสมกินพร้อมกับโยเกิร์ตหรืออาหารได้ ในขณะที่ยาออกฤทธิ์ยาวจำเป็นต้องกลืนทั้งเม็ด ไม่สามารถแบ่งหรือตัดยาได้

5. การปรับขนาดยาจำเป็นต้องพิจารณาจากการทำหน้าที่ของเด็กในชีวิตประจำวันทั้งที่บ้านและโรงเรียน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กสามารถทำหน้าที่ต่าง ๆ ของตนเองได้อย่างเต็มที่ และมีผลข้างเคียงจากยาให้น้อยที่สุด

6. ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้ที่พบบ่อย ได้แก่ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือน้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น นอนหลับยากขึ้นในเวลากลางคืน โดยเฉพาะที่กินยาออกฤทธิ์สั้นมื้อเย็นเกินไป หรือกินยาออกฤทธิ์ยาวมื้อเช้าล่าช้า ผลข้างเคียงอื่นที่พบได้ เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง แกะเล็บ หรือผิวหนังข้างเล็บ หงุดหงิดง่ายโดยเฉพาะหากให้ยาในเด็กอายุน้อย หรือเด็กที่เป็นโรคออทิซึม หรือมีพัฒนาการล่าช้า หรือสติปัญญาบกพร่องร่วมด้วย

7. สามารถให้ยา methylphenidate ในเด็กวัยอนุบาลที่มีอายุ 4-6 ปี ที่เป็นโรคสมาธิสั้นได้ หากพ่อแม่และผู้ปกครองพยายามปรับพฤติกรรมสำหรับเด็กโรคสมาธิสั้นอย่างเต็มที่แล้ว และยังคงมีอาการมากจนรบกวนการทำหน้าที่ในชีวิตประจำวันของเด็ก หรือประสบอุบัติเหตุ หรือมีปัญหาด้านความปลอดภัยจากความซนและความหุนหันพลันแล่น อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของยามักได้ผลต่ำกว่าในเด็กโต และพบผลข้างเคียงโดยเฉพาะอาการหงุดหงิดจากยานี้ในเด็กวัยอนุบาลมากกว่าเด็กโต

8. ในทางคลินิกไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนว่าเด็กจะตอบสนองต่อยา methylphenidate ที่ออกฤทธิ์แบบไหนได้ดีกว่ากัน บางคนตอบสนองต่อยาออกฤทธิ์สั้นได้ดีกว่าออกฤทธิ์ยาว หรือบางคนตอบสนองได้ดีพอ ๆ กัน หรือบางคนตอบสนองต่อยาออกฤทธิ์ยาวได้ดีกว่า มักจะเข้าได้กับสำนวนที่ว่า “ลางเนื้อชอบลางยา” นอกจากนี้ไม่จำเป็นที่เด็กที่เคยกินยา methylphenidate ตัวใดตัวหนึ่งแล้วได้ผลไม่ดี หรือมีผลข้างเคียงมากจะตอบสนองต่อยาตัวอื่นไม่ดีเช่นเดียวกัน

9. การกินยาควรกินสม่ำเสมอทุกวัน ไม่ควรกิน ๆ หยุด ๆ จะทำให้การรักษาได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามเด็กที่มีอาการเบื่ออาหาร และน้ำหนักลดจนผู้ปกครองกังวล อาจพิจารณาทบทวนถึงความจำเป็นที่ต้องให้ยาและผลข้างเคียงของยาอีกครั้ง แล้วอาจตัดสินใจงดกินยาวันหยุด เพื่อให้เด็กกินอาหารได้มากขึ้น ทั้งนี้หากพ่อแม่มีประเด็นที่กังวลหรือคำถามอื่น ๆ เกี่ยวกับการกินยา ควรปรึกษาหมอที่ดูแลรักษาเพื่อวางแผนให้การดูรักษาเด็กอย่างเหมาะสมต่อไป

10. การรักษาโรคสมาธิสั้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องรักษาควบคู่กันระหว่างการกินยาและการปรับพฤติกรรม ยาอย่างเดียวไม่ช่วยให้เด็กดีขึ้น เพราะคุณลักษณะที่ดีของเด็กหลายอย่าง เช่น ความรับผิดชอบ ความอดทนพยายาม การวางแผน การควบคุมตนเอง และการบริหารจัดการจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาให้เป็นทักษะที่พึงประสงค์ในเด็กต่อไป

สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับ 9 ข้อที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคสมาธิสั้นได้ทางลิงก์นี้ครับ
https://www.facebook.com/share/p/17VzGYMC1j/?mibextid=wwXIfr

#ทุกเรื่องการเลี้ยงลูกตลาดนัดครอบครัวมีคำตอบ

25/10/2025

🩶ขอน้อมรำลึกใน
พระมหากรุณาธิคุณ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สถิตในดวงใจปวงชนตลอดไป

🩶น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

22/10/2025

คลินิกปิด🚫พฤ.23-ส.25 ตุลา
และสัปดาห์หน้า
ปิด🚫จ.27 - พ.29 ตุลาค่ะ
*เปิดรับเฉพาะคนไข้นัดพัฒนาการจ้ะ

15/10/2025

วันนี้(15 ตุลา) คลินิกปิดกะทันหัน
คุณหมอมีธุระด่วน
ไม่สามารถมาออกตรวจได้ค่ะ

*แต่คลินิกพัฒนาการยังเปิดฝึก/กระตุ้นตามปกติค่ะ
ขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ

12/10/2025

10-13 ต.ค.คลินิกหยุดนะคะ
(วันนี้ด้วยค่ะ)

*พบกันอีกครั้งวันอังคารที่ 14 ตุลาช่วงเย็นค่ะ

⚡️⚡️วันหยุดคลินิกเดือน ตุลาคม  2568🚫ปิดวันที่ 12,13,27,28,29  ต.ค. และทุกศุกร์-เสาร์ค่ะ(13,27-29  ต.ค. รับเฉพาะนัดพัฒนาก...
30/09/2025

⚡️⚡️วันหยุดคลินิกเดือน ตุลาคม 2568
🚫ปิดวันที่ 12,13,27,28,29 ต.ค. และทุกศุกร์-เสาร์ค่ะ
(13,27-29 ต.ค. รับเฉพาะนัดพัฒนาการ)
และปิดวันนี้ 🚫30 ก.ย.ด้วยนะคะ

🚩 มีบริการตรวจประเมิน-กระตุ้นพัฒนาการ/ปรับพฤติกรรม/คลินิกฝึกพูด
โดยแพทย์~นักกิจกรรมบำบัด~นักแก้ไขการพูดและทีมดูแลเฉพาะทาง
🔆รับเฉพาะคนไข้นัดและจองล่วงหน้า
⁉️ หากสงสัยพูดช้า ไม่นิ่ง ซนมาก สมาธิสั้น ปัญหาการเรียน/อารมณ์
ติดต่อได้ที่ Line : หรือเค้าท์เตอร์ด้านหน้าคลินิกค่ะ

🚩 ตามแนวทางสุขภาพเด็กดี
แนะนำให้เด็กไทยทุกรายคัดกรองพัฒนาการทั่วไป ช่วงอายุที่ 9, 18, 30, 42, 60 เดือน
เรามีบริการและราคาพิเศษจ้า

▶️ ติดต่อ/สอบถาม/ทำนัดได้ที่
Line official : หรือเค้าท์เตอร์ด้านหน้าคลินิกค่ะ
🎀🎀🎀🎀🎀
วันอื่นๆเปิดตามปกติ คือ
🕰 จ. - พฤ. เวลา 17 -20 น.
🕰 อา เช้า-บ่าย เวลา 9 -15 น.
ปิดรับลงทะเบียนก่อนหมดเวลา 30 นาที
และ 🚫 ปิดทุกวันศุกร์-เสาร์

🎈ให้บริการ
ฉีดวัคซีนทุกชนิด (ยกเว้นโควิด)
ตรวจโรคเด็กและโรคทั่วไป
ใบรับรองแพทย์
จำหน่ายนม
พ่นยา ดูดเสมหะ
ตรวจหาเชื้อโรคทางเดินหายใจและไข้เลือดออก
ฝึกพูด/ตรวจ/กระตุ้นพัฒนาการและปรับพฤติกรรม
* ไม่รับฝากครรภ์
📞 089-0842266 (ในเวลาทำการ)
📱 Facebook : คลินิกหมอเกรซ
🛜 Line ID :
📌แผนที่ google map :
https://goo.gl/maps/nVr6m3LeH1jpLDTu5
#ด้วยรักและหวังดี #คลินิกหมอเกรซ

ที่อยู่

99/16 หมู่ 2 (หน้าหมู่บ้านศักดิ์สายธาร เยื้อง ร. ร. มัธยมตากสิน) ต. เชิงเนิน
Rayong
21000

เวลาทำการ

จันทร์ 17:00 - 20:00
อังคาร 17:00 - 20:00
พุธ 17:00 - 20:00
พฤหัสบดี 17:00 - 20:00
อาทิตย์ 09:00 - 15:00

เบอร์โทรศัพท์

+66890842266

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกหมอเกรซผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

Share on Facebook Share on Twitter Share on LinkedIn
Share on Pinterest Share on Reddit Share via Email
Share on WhatsApp Share on Instagram Share on Telegram