04/11/2025
ที่สำคัญมากกว่าการประหยัดราคาอีกประเด็นคือการรับยาและคำแนะนำโดยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง ไม่ใช่จากผู้ช่วยฯ ไม่เช่นนั้นคนไข้จะได้รับผลเสียต่างๆ ในระยะยาว จากการใช้ยาผิดวิธี โดยไม่ระมัดระวัง คงไม่มีใครอยากหายจากโรคหนึ่งไปเป็นอีกโรคหนึ่ง จริงมั้ยครับ!
มองที่ความคุ้มค่าแล้วจะไม่เสียดายค่าใช้จ่ายทีหลังครับ
ช่วงแรกอาจจะติดขัดเป็นธรรมดาก็ปรับปรุงกันไปครับ^^
DIT เผยโรงพยาบาลเอกชน–ร้านยา ร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” คึกคักทั่วประเทศ หนุนลดภาระค่าครองชีพประชาชน
..DIT เผยความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชน 327 แห่ง และร้านยา 2,382 ร้านทั่วประเทศ จากการลงทะเบียนร้านยา เพียง 2 วันแรก เดินหน้าเชื่อมโยงระบบบริการสุขภาพ ยกระดับสิทธิผู้ป่วยเข้าถึงยาคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม เตรียมพร้อม MOU ร่วมกัน
..นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการ “Quick Big Win” ตามนโยบายของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศแล้วกว่า 327 แห่ง และตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดลงทะเบียนร้านยาเพื่อเข้าร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” เพียง 2 วัน (เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 68) มีร้านยาที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 2,382 ร้าน ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการช่วยลดค่าครองชีพและสร้างระบบสุขภาพที่ยกระดับและเข้าถึงได้สำหรับประชาชนทุกคน
..อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมการค้าภายใน (DIT) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยสามารถนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลไปซื้อยาจากร้านยาภายนอกได้ในราคาที่เป็นธรรม โดยร้านยาที่เข้าร่วมจะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. และมีเภสัชกรประจำร้านทุกแห่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่ายาที่จำหน่ายมีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นไปตามใบสั่งแพทย์
..นายวิทยากร กล่าวต่อว่า กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างเตรียมการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ 3 หน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนระบบ “เปิดเผยราคายาและเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกซื้อยาได้เอง” ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ เปรียบเทียบราคาได้อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางการเข้าถึงยาและค่ารักษาพยาบาล พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ “ร้านยาสุขกาย สบายกระเป๋า” เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นหาร้านยาในพื้นที่ใกล้เคียงที่เข้าร่วมโครงการได้สะดวกและรวดเร็ว
..สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านบริการทางการแพทย์ของประเทศ มีโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำจำนวนมากให้ความร่วมมือเข้าร่วมโครงการแล้ว รวมกว่า 100 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงพยาบาลพญาไท 2 โรงพยาบาลวิชัยเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลรามคำแหง และโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน เป็นต้น และยังมีโรงพยาบาลเอกชนในต่างจังหวัดอีกกว่า 200 แห่งทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งทุกโรงพยาบาลต่างมีเจตนารมณ์ร่วมสนับสนุนนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ในการให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาคุณภาพในราคายุติธรรมมากยิ่งขึ้น
..ในส่วนของร้านยา DIT ได้บูรณาการข้อมูลร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสภาเภสัชกรรม ในการเตรียมความพร้อมร้านยาสำหรับรองรับการใช้บริการของประชาชน โดยประชาชนสามารถค้นหาร้านยาที่เข้าร่วมได้จากแอฟพลิเคชันได้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างความสะดวกและมีโอกาสเลือกซื้อยาในร้านยาใกล้บ้านได้ ซึ่งขณะนี้ร้านยากว่า 2,382 แห่งที่มีการลงทะเบียนเข้ามาในระบบเพียง 2 วันแรก และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก จนครอบคลุมทุกพื้นที่บริการ
..นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้ายว่า โครงการสุขกาย สบายกระเป๋า ไม่ได้เป็นเพียงมาตรการลดค่าครองชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับสิทธิของผู้ป่วยให้มีทางเลือกในการรักษา และเข้าถึงยาคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนและร้านยาทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึงพลังความตั้งใจร่วมกันของทุกฝ่าย ที่ต้องการให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบสุขภาพของไทย
#โรงพยาบาลเอกชน #ร้านยา #ลดค่าครองชีพ #ระบบสุขภาพ #ราคายา #ความเป็นธรรม #สุขกายสบายกระเป๋า
ช่องทางติดตามข่าวสารกรมการค้าภายใน🌟
- Website ➡️ www.dit.go.th
- Tiktok ➡️ https://www.tiktok.com/
- Youtube ➡️ https://youtube.com/.?si=XIKq8yvXadRZwsHG
- IG ➡️ https://www.instagram.com/dit_moc?igsh=dnc5aTVwM2l2aXA2
- X ➡️ https://x.com/dit_moc
☎️สายด่วน โทร 1569