23/01/2022
แชร์ความรู้ครับ
ทำไงไม่ให้ป่วยตามแบบแพทย์แผนไทย
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ทางการแพทย์แผนไทย บอกไว้ว่าร่างกายของเรา ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟแต่กำเนิด ซึ่งธาตุทั้ง 4 จะต้องทำงานสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ เราจึงจะไม่เจ็บป่วย อย่างไรก็ตามแต่ละคนก็จะมีธาตุเด่น และแตกต่างกันไป สัมพันธ์กับวันและเดือนเกิด
เรามาพบกับ พท.ป.เธียรธรรม (หมอเธียร) อภิจรรยาธรรม แพทย์แผนไทยปฏิบัติการ สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข หมอเธียร เล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์ของการทำงานของธาตุทั้ง 4 ว่า
ธาตุดินและธาตุน้ำเป็น "ธาตุหนัก" เป็นธาตุที่ตั้งของร่างกาย มี 32 ประการ "อย่างที่เราเคยได้ยินผู้ใหญ่ถามเด็กแรกเกิดว่าอาการครบ 32 หรือไม่หมายถึงเป็นเด็กที่สมบูรณ์หรือไม่นั่นเอง"
ที่ตั้งของธาตุดินมี 20 ประการ เรียกว่า เป็นส่วนที่จับต้องได้จากภายนอก ประกอบด้วย ผม ขน หนัง เล็บ ฟัน กระดูก ตับ ไต ลำไส้หัวใจ สมอง เป็นต้น
ทั้งนี้มีธาตุน้ำ ซึ่งมี 12 ประการไปหล่อเลี้ยง อาทิ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำลาย เหงื่อ เสลด ทำหน้าที่นำพาอาหารไปเลี้ยงร่างกาย และขับของเสีย
"แต่ธาตุดิน และน้ำจะขับเคลื่อนไปได้ ต้องมีลมภายในร่างกาย ซึ่งมีลักษณะ 6 ประการนำพาไป และมีไฟทำหน้าที่ให้ความร้อน 4 ประการเป็นตัวกระตุ้น"
สรุปแล้วภายในร่างกายของมนุษย์เรามีธาตุทั้ง 4 รวม 42 ประการทำหน้าที่อย่างสัมพันธ์กัน
อย่างที่ระบุไว้ตอนต้น แต่ละคนจะมีธาตุเด่นแตกต่างกันไป ในทางทฤษฎีธาตุกำเนิด ระบุว่า....
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์และเสาร์ ธาตุไฟจะเด่น ส่วนวันจันทร์และพฤหัส ธาตุดินเด่น
คนเกิดวันอังคาร และพุธ (กลางคืน) ธาตุลมเด่น ส่วนสุดท้ายเกิด วันศุกร์ และพุธ (กลางวัน) ธาตุน้ำเด่น
"ธาตุดิน และน้ำเป็นธาตุหนัก ถือเป็นธาตุโครงสร้างของร่างกาย"... ผู้ที่มีธาตุดินเด่น จะมีลักษณะโครงร่างใหญ่ ทนทาน ไม่ค่อยเจ็บป่วย ธาตุน้ำ จะมีลักษณะอวบ ผิวพรรณสดใส
ส่วนธาตุลม จะคล้ายกับธาตุไฟ คือมีลักษณะผอมเพรียว อ้วนยาก แต่ผู้ที่อยู่ใน 2 ธาตุนี้จะป่วยง่ายหากร่างกายทำงานไม่สมดุล โดยสามารถสังเกตจากภายนอกได้ หากคนไหนมีรูปร่างไม่สอดคล้องกับธาตุกำเนิด บอกได้เลยว่ามีอาการป่วยแล้ว เช่น มีธาตุไฟเด่น แต่รูปร่างอ้วน เป็นต้น
วิธีป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดไม่ให้ป่วย หมอเธียร ให้จับหลักเรื่องอาหารที่กินเข้าไปใหม่ และอาหารเก่าที่สะสมในร่างกายในแต่ละวัน "เพราะอาหารเป็นปัจจัยใหญ่ในการรักษาสมดุลของชีวิต"
สำหรับอาหารใหม่ การแพทย์แผนไทย เรียกว่า "อุทริยัง" ส่วนอาหารเก่า คือ "กรีสัง" หลักก็มีอยู่แค่ว่า “อาหารใหม่และอาหารเก่าที่คั่งค้างในร่างกายต้องสัมพันธ์กัน หรือบริโภคเข้าไปเท่าไหร่ต้องออกเท่านั้น” อาหารใหม่ที่กินเข้าไปก็ต้องเป็นอาหารที่ดีเหมาะกับธาตุ ส่วนอาหารเก่าก็ต้องขับถ่ายออกไป ไม่สะสม
อาหารที่เหมาะกับธาตุ อย่าลืมกันทีเดียว ผู้ที่เกิดธาตุดิน ซึ่งกินอาหารได้หลากหลายรสชาติ แต่รสชาติที่เหมาะ คือ รสฝาด ส่วนธาตุน้ำ เหมาะกับอาหารที่มีรสเปรี้ยว เช่น กลุ่มมะม่วง มะนาว มะกรูด ส้ม เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ร่างกายของคนธาตุน้ำทำงานได้ดี
ธาตุลม ต้องเน้นอาหารขับลม หรืออาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศช่วยขับลม อย่าง พริกไทย ขิง ข่า ตะไคร้ ใบแมงลัก โหระพา กะเพรา เมนูอาหารแนะนำ เช่น ต้มยำ พะโล้ ผัดกะเพรา มีฤทธิ์เผ็ดร้อนขับลม เพราะผู้อยู่ในธาตุลม จะมีอาการเด่น คือ ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ค่อยย่อย
ส่วนไฟ เป็นธาตุที่มีความร้อนอยู่แล้ว แนะนำอาหารรสจืด และผักใบเขียว เพื่อลดความร้อนในร่างกายให้พอดีไม่ให้มากเกินไป เช่น แกงจืดตำลึง ผัดผักใบเขียวต่างๆ และอาหารประเภทรสขม ที่มีส่วนประกอบอย่างมะระ ให้รสขมมาบำรุงน้ำดี ทำให้การย่อยดีขึ้น แก้ลมไม่ค้าง ไม่ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ
หมอเธียร ย้ำว่า พื้นฐานคนเกิดธาตุลมและไฟเป็นธาตุเบา เจ็บป่วยง่ายกว่าธาตุดินและน้ำซึ่งเป็นธาตุหนัก ต้องระวังอาหารที่ย่อยยาก ประเภทเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ ยิ่งใครชอบเนื้อสัตว์ปิ้งย่างด้วยแล้ว หมอเธียรขอเตือนให้ระวังเลย เพราะการกินอาหารประเภทนี้ ร่างกายจะต้องใช้ไฟและลมในการย่อยมาก ทำให้ธาตุกำเริบ
สำหรับคนธาตุลมจะท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน ส่วนธาตุไฟ มักจะมีอาการผื่นคัน ตัวร้อน อาหารเป็นพิษ และร้อนใน
"และไม่ว่าจะเป็นธาตุไหนก็ต้องระวังเนื้อสัตว์ปิ้งย่างเช่นเดียวกัน" เพียงแต่คนธาตุดิน และน้ำ ป่วยยากกว่าเท่านั้น ยิ่งกระแสการกินบุฟเฟต์ปิ้งย่าง ที่ทำให้ติดกินเยอะให้คุ้ม จนมากเกินพอดีของร่างกายด้วยแล้ว อันตรายสุดๆ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมัน ซึ่งใช้ไฟในการเผาผลาญมากอยู่แล้ว ซ้ำยังผ่านกระบวนการทำให้ร้อนด้วยการปิ้งย่างอีก ทางการแพทย์แผนไทย บอกว่าจะไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการดินไปพอก เป็นที่มาของโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง รวมถึงเนื้องอก เนื้อร้าย
ส่วนอาหารแสลงทั่วไป ที่ต้องเตือนไว้สำหรับทุกธาตุ ไม่ควรกินบ่อยต่อเนื่อง เพราะต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมากเช่นเดียวกัน ซึ่งจะไปเพิ่มความร้อนในร่างกาย ได้แก่ ข้าวเหนียว หน่อไม้ รวมถึงเครื่องในสัตว์ ของหมักดอง และแอลกอฮอล์
ปิดท้ายด้วยความรู้ตามศาสตร์แพทย์แผนไทยในการรักษาอาการไข้มาฝาก หมอเธียร อธิบายว่า เวลาเราเป็นไข้ หมายถึงไฟในร่างกายมันเพิ่มขึ้น ร่างกายจะปรับสภาพตัวเอง คือ จะมีอาการเบื่ออาหาร เพื่อลดภาระการย่อยอาหารของร่างกาย ลดการใช้ไฟในร่างกายในการเผาผลาญอาหาร วิธีการแก้ไข้ จึงต้องกินน้ำให้เยอะๆ เพื่อระบายความร้อนออกไปนั่นเอง
คำแนะนำที่มีประโยชน์ เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคช่วยให้คนไทยไม่เป็นโรคตามแบบฉบับของแพทย์แผนไทย ขอเชิญติดตามความรู้เรื่องสุขภาพดีๆจากหมอเธียรได้อีกใน The HUMANs
#โหราเวชศาสตร์ #ธาตุกำเนิด #ราศีเกิด #แพทย์แผนไทย